อ.วินัยเผย กอท.ชง สำนักงานกิจกิจการฮัจญ์ฯ ย้ายค่าย จากกรมศาสนา ไปมหาดไทย


อ.วินัยเผย กอท.ชง สำนักงานกิจกิจการฮัจญ์ฯ ย้ายค่าย จากกรมศาสนา ไปมหาดไทย

รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ทางคณะกรรมทางมองเห็นว่า ปัญหาทั้งหมดมีหน่วยงานที่ไปดูแลผิดฝาผิดตัว ไม่มีไม้มีมือ เวลาชาวบ้านหรือแซะห์ประสบปัญญาก็ไม่สามารถช่วยได้ เพราะกรมศาสนาไม่มีไม้มีมือในพื้นที่ การบริหารจัดการมันขาดตอน

กรมเข้าไปดูแลแค่เจดดะฮ์ ไม่สามารถเข้าไปดูแลถึงมักกะ เราจึงขอให้รัฐบาลเปลี่ยนระบบการบริหารดูแลเกี่ยวกับกิจการฮัจญ์ จากกรมศาสนา มาเป็นกรมการปกครอง เพื่อให้ง่ายต่อการดูแลและบริหารจัดการ เพราะกรมการปกครอง มีกำนันผู้ใหญ่บ้าน มีปลัดนายอำเภอที่อยู่ในพื้นที่สามารถที่จะแก้ปัญหาในพื้นที่ได้ในเวลาเกิดปัญหา และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดก็สามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้ หากมีอำนาจ และจะทำให้การบริหารจัดการสะดวกง่ายดายขึ้น ตอนนี้เรื่องนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการย้ายหน่วยงาน คิดว่าเสร็จไปแล้วประมาณ 80% ที่ต้องย้ายหน่วยงานนี่ไม่ใช่กรมศาสนาไม่ดี เพียงแต่ไม่เหมาะสมที่จะบริหารจัดการเรื่องนี้อีกต่อไป


ถ้ามีการบริหารจัดการที่ดีราคาฮัจญ์นี่จาก 200,000 บาท อาจจะเหลือแค่เพียง 130,000-140,000 บาทได้ เงินที่แพงขึ้นนี่มันไปไหน แต่เราจะไปฟันธงว่าส่วนต่างที่มันต่างมากเกินไปนี่มันคือการคอรัปชั่นมันคงจะไม่ได้ เวลาคุยกันนี่กรรมการกลางฯ(กอท.)เขาก็ห่วงเหมือนกัน ไม่ใช่ห่วงเรื่องการคอรัปชั่น แต่ห่วงเรื่องการบริหารมันไม่มีประสิทธิภาพ บางทีเขาบินสายการบินอื่นไม่ได้จะต้องบินสายการบินที่ถูกระบุเท่านั้น ถ้าเราสามารถคุยกับรัฐบาลเราก็จะสามารถไปรับคนในพื้นที่ภาคใต้ได้ เพราะคนส่วนใหญ่ที่ไปทำฮัจญ์เป็นคนในพื้นที่ภาคใต้ เพราะคนใต้บางส่วนต้องบินมากรุงเทพฯ และหากสายการบินไม่มีการแข่งขัน ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายและค่าบริการแพงโดยใช่เหตุ


กลไกพวกนี้จะต้องเกิดการแข่งขันเป็นการแข่งขันกันทั้งทางด้านคุณภาพและเป็นการแข่งขั้นกันทั้งทางด้านราคา กรณีแบบนี้ตนว่ามันเป็นประเด็นของการบริหารจัดการ ส่วนของการบริหารจัดการในเชิงบริหารเมื่อเกิดการบริหารที่ล้มเหลวก็ต้องเปลี่ยน เพราะการทำให้คนใหม่เข้ามานี้มันจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่เรานี่ไม่มีเคยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่กันมาตั้ง 20-30 ปี เราไม่ได้หมายความว่าเข้าไปสังกัดกระทรวงมหาดไทยแล้วจะทำให้อะไรดีขึ้น แต่การเปลี่ยนนี้มันจะทำให้อะไรดีขึ้น


อันนี้มันเป็นกลยุทธ์ในเชิงบริหาร เรื่องนี้ตนได้คุยกับรองนายกแล้ว และรองนายกฯ ก็บอกว่าท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้เราเข้ามาช่วยดูแล มันก็เป็นข้อตกลงกันไปเรียบร้อยแล้วว่าจะต้องย้าย กรมการศาสนาก็รับลูกแล้วตอนนี้ก็กำลังเทรนคนกันอยู่ และกรมการปกครองก็ได้เตรียมสถานที่ไว้แล้ว


แต่เรื่องนี้ตนก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการฮัจญ์ และเรื่องนี้ทางคณะกรรมการกลางเขาก็เป็นห่วงหลายเรื่อง แต่ทางคณะกรรมการกลางไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะว่าเขาถูกดิสคอนเน็คในระบบ แม้การที่จะไปที่โน่น(มักกะฮ์) เวลาจุฬาราชมนตรีจะใช้รถใช้อะไรก็ต้องมานั่งขออนุญาต เพราะเราไม่ใช่เจ้าของอำนาจ มันกลายเป็นว่าเราต้องไปทำงานรับใช้เขา มันเป็นเรื่องที่ไม่ถูก เพราะตามระบบนี่ ทางคณะกรรมการกลางต้องดูแลเรื่องนี้ตามพระราชบัญญัติ คำถามคือเราได้ดูและหรือยัง เราไม่ได้ดูแล แต่เวลามีปัญหาประชาชนก็มาตั้งคำถามกับกรรมการกลางฯ เรื่องนี้จะต้องมีการแก้ไขต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้” รศ.ดร.วินัยกล่าว

อัพเดทล่าสุด