ด้านหลังศาลกลางเมืองหลวงมาจูโร ของหมู่เกาะมาร์แชล เป็นที่ตั้งของมัสยิดแห่งหนึ่ง ที่ดูเหมือนมัสยิดในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยเป็นอาคารหลังคาหน้าจั่วสีฟ้าเหมือนสีน้ำทะเล
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์ : เรื่องน่ารู้ มุสลิมอะฮ์มาดีจากปากีสถาน บนเกาะมาแชล
ด้านหลังศาลกลางเมืองหลวงมาจูโร ของหมู่เกาะมาร์แชล เป็นที่ตั้งของมัสยิดแห่งหนึ่ง ที่ดูเหมือนมัสยิดในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก โดยเป็นอาคารหลังคาหน้าจั่วสีฟ้าเหมือนสีน้ำทะเล ที่รองรับหออะซาน 2 หอ มีคำจารึกภาษาอาหรับ ประกาศชาฮาดะฮ์ พร้อมลำโพงขยายเสียงอะซาน วันละ 5 เวลา
มัสยิดแห่งนี้ เป็นของมุสลิมอะฮ์มาดียะฮ์ ซึ่งหากอยู่ในปากีสถาน ชุมชนนี้มีความเสี่ยงจะถูกโจมตีและทำลายโดยกลุ่มที่มีความคิดรุนแรงทางศาสนา รวมถึงรัฐบาลที่มักจะละเมิดสิทธิ์ของพวกเขา
อะฮ์มาดียะฮ์ อ้างว่า พวกเขาเป็นขบวนการฟื้นฟูอิสลามที่มีต้นกำเนิดในเอเชียใต้ ในศตวรรษที่ 19 พวกเขามีแนวคิดว่า มิรซา กุลาม อะฮ์มัด (Mirza Ghulam Ahmad) ผู้ก่อตั้งของพวกเขา เป็นผู้สืบทอดศาสนาต่อจากท่านศาสดามุฮัมมัด หลังจากมีการก่อตั้งปากีสถานในปี 1947 ชุมชนอะฮ์มาดียะฮ์ ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปอยู่ที่เมืองรับวะฮ์ (Rabwah) ในปันจาบ และพวกเขาถูกโจมตีหลังจากนั้นไม่นาน จนในปี 1974 หลายสิบปีหลังเกิดการจลาจล ทางการปากีสถานประกาศว่า อะฮ์มาดียะฮ์ ไม่ใช่มุสลิม และต่อมาอีกประมาณ 10 ปี มีการออกกฎหมายจำกัดสิทธิ์ในการสอนแนวคิด รวมทั้งการแสดงตัวว่าเป็นมุสลิม เช่น การกล่าวให้สลาม การห้ามสร้างมัสยิด และมีการกำหนดโทษสำหรับการละเมิดทั้งการปรับ และจำคุกไม่เกิน 3 ปี
เกาะมาแชล อยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิค ห่างไกลจากฝั่งราว 4,600 ไมล์ ที่นี่ ชาวมุสลิมอะฮ์มาดี มีสิทธิในการปฏิบัติศาสนา โดยมีซายิด อิคบาล เป็นผู้นำที่มัสยิดมาจูโร่ ซึ่งเป็นมัสยิดแห่งเดียวที่นี่ ประชากรส่วนใหญ่ในเกาะมาแชล นับถือศาสนาคริสต์ ชาวอะฮ์มาดีเดินทางมาถึงที่นี่ในปลายปี 1980 แต่มัสยิดเพิ่งสร้างในปี 2012 โดย นายแซม นีนา (Sam Nena) คนท้องถิ่นที่เข้ารับอิสลามเป็นผู้บริจาคที่ดิน 3,300 ตารางฟุต ที่อยู่ไม่ไกลจากชายหาดให้เป็นที่สร้างมัสยิด ปัจจุบัน แซมอาศัยอยู่ในสหรัฐ ฯ เพื่อรักษาอาการโรคไต
การก่อสร้างมัสยิดไม่ได้เป็นเรื่องง่าย ก่อนหน้านี้ชาวเกาะมาแชลไม่ต้องการคบหากับมุสลิม อันเนื่องมาจากข่าวที่พวกเขาเห็นในสื่อ พวกเขาถูกปาด้วยไข่และกระป๋องเบียร์เปล่า รวมทั้งมีผู้ขว้างก้อนหินใส่ขณะพวกเขากำลังละหมาด จนทำให้ต้องสร้างรั้วลอดหนามล้อมที่ดินมัสยิด และสร้างเครื่องป้องกันที่หน้าต่าง
ต่อมา ข่าวการทำกิจกรรมช่วยเหลือขององค์กรด้านมนุษยธรรมของชาวอะฮ์มาดีย์ ในต่างประเทศได้แพร่หลายออกมา พวกเขาเริ่มมาทำงานในเกาะมาแชลเมื่อต้นปี 2554 โดยให้บริการด้านดูแลสุขภาพแก่เด็ก และบริจาคอาหารแก่ผู้ยากไร้ ทำให้ชาวพื้นเมืองมาร์แชลเริ่มยอมรับชาวมุสลิมอะฮ์มาดีย์เข้าเป็นเพื่อนร่วมเกาะ
- Islamophobia ความเจ็บปวดที่ไม่มีเสียงในอังกฤษเป็นไวรัล (ชมคลิป)
- จับชายแก่อัดคลิปโชว์ ข้อหาหนักอึ้ง!!
- สุดยอด 2 เด็กไทยมุสลิม คว้าแชมป์คัดลายมืออาหรับ
- พระเจ้ามีจริง เพราะ..การอ่านอัลกุรอ่าน
- ชาวมาเลเซีย ไปอุมเราะห์ด้วยมอไซต์ธรรมดา ไกลถึง 14,000 กิโล (ชมคลิป)
- มุสลิมออสเตรเลียมีกี่ล้าน คุณรู้หรือไม่!
- เพลงคริสต์มาสมุสลิม ปากีสถาน สร้างความกลมเกลียว แชร์กระฉ่อนโลก (คลิป)
- เพียง 1 ใน 5 ของชาวอังกฤษที่รับรู้ว่า มุสลิมเคยร่วมรบปกป้องประเทศในสงครามโลกครั้งที่ 1
- ทหารตระเวนชายแดนอิหร่าน กว่า 10 ราย โดนจับเป็นตัวประกัน
- จีนค้านมาเลเซียส่ง 'อุยกูร์' ให้ตุรกี
- มัสยิดเก่าแก่อายุ 265 ปี ในเมืองลาฮอร์ เล่าเรื่องราวถึงสถาปัตยกรรมโมกุล (มีคลิป)
ที่มา: www.scmp.com