หน่วยงานหลักผนึกกำลังจัดงานมุสลิมไทยแฟร์ ครั้งที่ 5 โดย สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี สมาคมสื่อมุสลิมไทย มุสลิมไทยโพสต์
มุสลิมไทยแฟร์ ครั้งที่ 5 รวมพลังความดี ซับน้ำตาผู้หลี้ภัย
หน่วยงานหลักผนึกกำลังจัดงานมุสลิมไทยแฟร์ ครั้งที่ 5 โดย สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี สมาคมสื่อมุสลิมไทย มุสลิมไทยโพสต์ ชมรมสถาบันพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลาม สำนักจุฬาราชมนตรี ชมรมคนรักผ้าสะระบัน (มุสลิมไทยแลนด์) โรงเรียนน่าซีฮ่าตุดดีน (ทับช้างนาลุ่ม) และพันธมิตร
สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรีโดยมี ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเตะ เป็นประธาน จุดประสงค์ของการจัดตั้งองค์กรนี้ เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพ และยกระดับความร่วมมือในการให้ความช่วยเหลือโดยเฉพาะมิติทาง “มนุษยธรรม” ให้มีประสิทธิภาพและส่งเสริมศักยภาพทางความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ไร้ข้อจำกัดทางเชื้อชาติ ศาสนา ชาติพันธ์ แก่ประชาชนที่ได้รับเดือดร้อนทั่วโลก โดยเฉพาะภัยสงคราม หรือผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศทุกศาสนา ไม่ใช่เฉพาะมุสลิมเท่านั้น
“ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ประสบภัยทั่วโลก ทั้งในและต่างประเทศ โดยไม่เลือกสัญชาติ ศาสนา”
ภารกิจภาพรวมขององค์กรที่ทำงานในการให้บริการสังคมด้านต่าง ๆ ของมุสลิม เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่าย และร่วมมือกันเพื่อยกระดับพัฒนาศักยภาพการทำงานให้เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นภาระหน้าที่ที่สำคัญและเร่งด่วนภารกิจหนึ่ง เป็นช่องทางที่จะก่อให้เกิดความสมานฉันท์ ภราดรภาพ เอกภาพ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และความร่วมมือในการรวบพลัง ศักยภาพด้านต่าง ๆ ในการให้การบริการและความช่วยเหลือต่อสังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป
น.พ.อนันต์ชัย ไทยประทาน ประธานจัดงานมุสลิมไทยแฟร์ เผยถึงที่มาว่า “สภาเครือข่ายมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ประกอบกับโอกาสที่ได้รับจากมุสลิมไทยโพสต์ในการร่วมจัดงานครั้งนี้ โดยมุ่งหวังที่จะได้รับการตอบรับจากประชาชนในประเทศไทยและนำน้ำใจจากพี่น้องประชาชนสู่ผู้ลี้ภัยที่รอคอยการช่วยเหลือจากทุก ๆ ท่าน”
กล่าวได้ว่า นับตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ประมาณปี พ.ศ. 2488 โลกของเราก็เผชิญกับปัญหาผู้ลี้ภัย ครั้งใหญ่อีกครั้งในปี 2558 เท่าที่มีการเก็บข้อมูลของสหประชาชาติพบว่า ปลายปี 2558 มีผู้คนจำนวนกว่า 65 ล้านคนที่ถูกบังคับให้ต้องพลัดพรากจากบ้านของพวกเขาด้วยเหตุแห่งความขัดแย้ง การถูกประหัตประหาร ความรุนแรงที่ทำในวงกว้าง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ จากข้อมูลของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัย แห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees หรือ UNHCR) ระบุว่า ปัจจุบัน โลกเรามีผู้ลี้ภัยถึง 21.3 ล้านคน และ 49% ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ซึ่งมีความเปราะบางมากกว่า ผู้ลี้ภัยอื่น ๆ 57% ของผู้ลี้ภัยทั่วโลกมาจาก 5 ประเทศหลัก คือ
1. ผู้ลี้ภัยที่มาจากประเทศซีเรียจำนวน 6.3 ล้านคน
2. ผู้ลี้ภัยที่มาจากประเทศอัฟกานิสถานมีจำนวน 2.6 ล้านคน
3. ผู้ลี้ภัยที่มาจากประเทศซูดานใต้มีจำนวน 2.4 ล้านคน
4. ผู้ลี้ภัยที่มาจากประเทศพม่าจำนวน 1,391,000 คน
5. ผู้ลี้ภัยที่มาจากประเทศ โซมาเลียมีจำนวน 1,091,270 คน
ซึ่งมากกว่า 80% เป็นมุสลิมในประเทศไทยเองมีผู้ลี้ภัยกว่าหนึ่งแสนคนอาศัยอยู่ในค่ายพักพิง 9 แห่งในจังหวัดชายแดน ระหว่างไทยและพม่า โดยผู้ลี้ภัยเหล่านี้ส่วนมากเป็นชนกลุ่มน้อยที่หนีการสู้รบมาจากประเทศพม่า นอกจากนี้ ยังมีผู้ลี้ภัยในเขตเมืองที่พักพิงอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอีกกว่า 9,000 คน ซึ่งประกอบด้วยชนชาติต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 30 ประเทศ
ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในภาคีหรืออนุสัญญาว่าด้วยเรื่องผู้ลี้ภัยใด ๆ ทั้งยังไม่มีกฎหมายที่จะให้ความคุ้มครองแก่กลุ่มคนดังกล่าว ดังนั้นสถานะของพวกเขาจึงถือว่าเป็น “คนเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย” ต้องใช้ชีวิตด้วยความหวาดกลัวต่อการโดนจับกุม กักกัน หรือผลักดันกลับไปสู่ประเทศของตน อีกทั้งยังตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากผู้ลี้ภัย จากนโยบายการกวาดล้างจับกุมผู้ลี้ภัยในปีที่ผ่านมายิ่งทำให้มีจำนวนผู้ต้องกักในห้องกักของ ตรวจคนเข้าเมืองจำนวนมาก สภาพความเป็นอยู่อย่างแออัด ไม่ถูกสุขลักษณะ ทำให้ผู้ต้องกักเจ็บป่วยและล้มตายลง โดยเฉพาะชาวอุยกูร์และชาวโรฮิงยาที่กระจายไปอยู่ในห้องกักตามภูมิภาคต่าง ๆ มานานกว่า 5 ปี
คุณบัญญัติ ทิพย์หมัด ประธานอำนวยการจัดงาน เผยแนวคิดของการจัดงานว่า “ด้วยคณะกรรมการจัดงานมุสลิมไทยแฟร์ นำโดย สมาคมสื่อมุสลิมไทย สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์ ร่วมกับ องค์กรชั้นนำในสังคมมุสลิม อาทิ สมาคม ชมรม โรงเรียน มูลนิธิ มารวมตัวกันจัดให้มีงานนี้ขึ้นเป็นประจำทุก ๆ ปีอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 5 ปี การจัดงานเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ในมิติต่างๆ ทางด้านข่าวสาร การศึกษา ศาสนา สังคม และวัฒนธรรม โดยมีหน้าที่เผยแผ่ความรู้ ความเข้าใจในสังคมยุคปัจจุบัน ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการพัฒนาศักยภาพเยาวชน บุคลากร ในมิติต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้าง มุ้งเน้น ความเข้าใจอันดีต่อกัน โดยมีการประสานความร่วมมือระหว่างองค์กรต่าง ๆ ในส่วนของภาครัฐ และเอกชน เพื่อส่งเสริมกิจกรรมที่ทำให้เกิดประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ”
การจัดงานในครั้งนี้ นอกจากจะสร้างความตะหนักรู้ในมิติต่างๆ แล้ว ยังเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพ และการออกกำลังกาย เพื่อให้การจัดงานในครั้งมีความหลากหลายและมีกิจกรรมที่สามารถสร้างความรัก ความสามัคคี และเป็นที่ชื่นชอบของสังคมทั่วไป คณะผู้จัดงานฯ จึงจัดให้มีโครงการ MTF2019 FUTSAL CUP ด้วย
วัตถุประสงค์หลักของการจัดงาน
- เพื่อหารายได้เข้ากองทุนของสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปช่วยภัยพิบัติทางธรรมชาติภายในประเทศ
- เพื่อส่งเสริมให้เกิดความรัก ความสามัคคี ของคนทุกหมู่เหล่าโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ และศาสนาซึ่งจัดเป็นงานใหญ่ประจำปีของทุกปี
- เพื่อส่งเสริมพันธกิจของสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
- เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของการจัดงานให้เป็นงานที่จัดแล้วมีคุณค่าต่อสังคมและประเทศชาติ และอื่นๆ
กิจกรรมเด่นๆ ที่น่าสนใจ
- ครบรอบ 4 ปี สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
- มนุษยธรรม รวมพล คนทำดีทั่วประเทศ
- รางวัลเพชรมือบน
- ให้ความรู้ผู้สนใจหรือผู้มีจิตใจดีงามที่ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษยธรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- น้ำชาการกุศล เพื่อช่วยภัยพิบัติธรรมชาติ และผู้ลี้ภัย
- เสวนานิยามคำว่า “มนุษยธรรม”
- โต๊ะจีนการกุศล “ราตรีแห่งมิตรภาพ”
- การแสดงชุดแต่งกายมุสลิมผ้าสะระบัน
- MTF2019 FUTSAL CUP การแข่งขันฟุตซอลชิงถ้วยนายกรัฐมนตรี
- การออกร้านเพื่อจำหน่ายสินค้า ทั้งอาหาร เสื้อผ้า และของใช้
สถานที่จัดงาน ณ ลานพลาซ่า อินดอร์สเตเดี้ยมหัวหมาก (กกท.) กรุงเทพมหานคร
ระยะเวลาการดำเนินงาน 25-27 ตุลาคม 2562 (ศุกร์ – เสาร์ - อาทิตย์) จำนวน 3 วัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 23.00 น.
จองพื้นที่ด่วน : 0802847222 (โซนทั่วไป) ,0802848000 (โซนเสื้อผ้า) , 080284900 (โซนเสื้อผ้า/อินดี้)
ประสานงานโครงการ
มุสลิมไทยโพสต์ (บริษัท เอ็มเน็ต โซลูชั่น จำกัด)
39/74 ซอยเคหะร่มเกล้า 82 แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ 10240
โทรศัพท์ : 0-2116-8134, 0-2116-8135 โทรสาร : 0-2116-8136 www.muslimthaipost.com