หลังจากที่ศาลสูงของอินเดียพิพากษา เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 ให้ชาวฮินดูมีสิทธิ์เหนือที่ดินที่เป็นที่ตั้งของมัสยิดบาบรี ซึ่งจะมีการสร้างวัดพระรามขึ้น
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: มัสยิดใหม่ในอโยธยา อาจมีทรงสี่เหลี่ยมคล้ายกะอฺบะอฺ
หลังจากที่ศาลสูงของอินเดียพิพากษา เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2562 ให้ชาวฮินดูมีสิทธิ์เหนือที่ดินที่เป็นที่ตั้งของมัสยิดบาบรี ซึ่งจะมีการสร้างวัดพระรามขึ้น โดยมีการจัดสรรที่ดินส่วนหนึ่งให้มุสลิมสามารถสร้างมัสยิดขึ้นแทน แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่มุสลิมกล่าวว่า อาคารมัสยิดที่จะสร้างขึ้นอาจจะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมคล้ายกะอฺบะอฺ ในนครมักกะฮ์ แต่จะไม่มีการตั้งชื่อตามชื่อจักรพรรดิ หรือกษัตริย์องค์ใด
- อินเดียตั้งคณะเร่งสร้างวัดพระรามแทนที่มัสยิด
- ทัชมาฮาล สร้างขึ้นในวัดฮินดู จริงหรือ?
- ทูตตุรกีประณาม! มือทำลายมัสยิดบอสเนียแห่งประวัติศาตร์
- องค์กรมุสลิมอินเดียนัดหารือประเด็น 'มัสยิดอโยธยา'
อะธาร์ ฮุสเซน เลขานุการและโฆษกมูลนิธิวัฒนธรรมอินโด-อิสลามิก (IICF) กล่าวกับสื่อว่า จะมีการสร้างมัสยิดขนาด 15,000 ตารางฟุตขึ้นในหมู่บ้านดันนิปูร โดยขนาดของมัสยิดจะไล่เลี่ยกับมัสยิดบาบรีที่ถูกทำลายไป แต่รูปลักษณ์ภายนอกของมัสยิดจะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับมัสยิดอื่น โดยอาจจะเป็นรูปสี่เหลี่ยมลูกบาศก์เหมือนอาคารกะอฺบะอฺ ตามที่สถาปนิก เอสเอ็ม.อัคต้าร์ ได้เกริ่นให้ฟังคร่าว ๆ มัสยิดแห่งใหม่นี้อาจจะไม่มีโดม หรือหออะซาน และว่า ทางการได้เปิดโอกาสให้สถาปนิกได้ออกแบบอย่างอิสระ
ภาพวัดพระรามที่จะสร้างขึ้นใหม่แทนมัสยิดบาบรี (ขวามือ)
ทั้งนี้ คณะกรรมการทรัสต์จะเปิดรับบริจาคสร้างมัสยิด พร้อมกับการรับบริจาคสร้างพิพิธภัณฑ์ โรงพยาบาล และศูนย์ศึกษาวิจัย ที่จะสร้างขึ้นในอาคารแห่งนี้ด้วย
คณะกรรมการบริหารวากัฟกลางของมุสลิมซุนนี ประจำรัฐอุตรประเทศ ได้จัดให้มีคณะบุคคล IICF เพื่อดำเนินการสร้างมัสยิดบนพื้นที่ขนาด 5 เอเคอร์ (12.65 ไร่) ในหมู่บ้านดันนิปูร เมืองอโยธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐจัดหาให้ตามคำสั่งของศาลฎีกาสูงสุด
มัสยิดบาบรี ซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่มีอายุราว 493 ปี ถูกทำลายลงในเหตุการณ์จลาจลที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน (ส่วนมากเป็นมุสลิม) เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ค.ศ. 1992 โดย kar sevaks ซึ่งเป็นผู้นำชาวฮินดูอ้างว่า มัสยิดบาบรีสร้างอยู่บนฐานรากของวัดที่เป็นที่ประสูติของพระราม
มัสยิดบาบรีถูกทำลายจากการจลาจล
ที่มา: www.oneindia.com
http://news.muslimthaipost.com/news/34519