มิคาอิล ไชรอฟสกี อดีตยิวหัวรุนแรง ก้าวสู่หนทางแห่งอิสลาม
มิคาอิล ไชรอฟสกี อดีตยิวหัวรุนแรง ก้าวสู่หนทางแห่งอิสลาม
รอยสักรูปดาวเดวิด (1) ยังคงปรากฏบนช่วงแขนภายใต้เสื้อผ้าเนื้อหนา แต่วันนี้โมฮัมเหม็ด อัล-มาห์ดีละหมาดขอบคุณอัลลอฮฺที่บ้านหลังใหม่ของเขาที่เขตเวสต์แบงก์ปาเลสไตน์ ใกล้ๆ นิคมชาวยิวหัวรุนแรงที่เขาเคยพำนักในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
การอพยพเข้ามาอยู่ในละแวกชาฮับ ใจกลางเมืองเฮบรอน เป็นการกลับข้างอย่างสุดๆ ในชีวิตของมาห์ดี, ผู้ถือกำเนิดจากพ่อแม่ซาวยิวเมื่อ 37 ปีก่อนที่ประเทศอาเซอร์ไบจันครั้งอยู่ภายใต้สหภาพโซเวียต
เขาถือกำเนิดมาในซื่อ "มิคาอิล ไชรอฟสกี" (Mikhail Shirovsky) ย้ายมาอยู่ที่อิสราเอลช่วงทศวรรษ 1980 หลังทางการโซเวียตอนุญาตให้ชาวยิวอพยพได้
มิคาอิล 'มาห์ดี' ไชรอฟสกี พร้อมภรรยาและลูกๆ ทั้งสามคน
มิคาอิลทำงานเป็นผู้ฝึกสอนฟิตเนสในกองทัพ ก่อนจะเข้ารวมกลุ่มกับยิวหัวรุนแรงและตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นิคมกอรยาฮ์ อารบาฮ์ ของพวกยิวสุดโต่งในปี 1995 และเป็นช่วง
เวลาหลังจากที่บารุค โกสคสเตน (Baruch Goldstein) ผู้ก่อการร้ายชาวยิว, หนึ่งในพวกสุดโต่งของนิคมนี้ เข้าไปกราดยิงชาวมุสลิมที่กำลังละหมาดที่ "หะรอมอัล-คอลีล" (2) หรือคนทั่วไปเรียกว่า "มัสยิดนบีอิบรอฮีม" ทำให้มีผู้เสียชีวิต 29 คน
แต่การที่ได้รู้จักและผูกมิตรกับชาวปาเลสไตน์เจ้าของอู่รถยนต์คนหนึ่งทำให้มิคาอิลห้ามตั้งคำถามถึงพฤติกรรมของตัวเองเป็นครั้งแรก จากนั้นจึงนำไปสู่การเปลี่ยนมารับอิสลาม และแต่งงานกับสตรีมุสสิมจากบ้านเกิดของเขา
มิคาอิลหรือในปัจจุบันคือ "มาห์ดี' บอกว่าเขารู้สึกประทับใจในการต้อนรับที่อบอุ่นจากเพื่อนบ้านใหม่ๆ แม้ชาวมุสลิมที่นี่จะรู้ว่าเขาเคยเป็นใครมาก่อนก็ตาม
"ผมเคยเป็นชาวนิคมที่รุ่นแรงสุดโต่งและเคยเป็นศัตรูของพวกเขา"
มาห์ดีให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่บ้านหลังใหม่ "แต่พวกเขากลับปฏิบัติต่อผมเสมือนพี่น้องคนหนึ่ง ช่วยเหลือทุกอย่างไม่ว่าผมจะต้องการอะไร"
หลังจากรับอิสลามและแต่งงานกับซาบีนา ชีวิตของมาห์ดีท่ามกลางชาวยิวที่นิคมกอรยาฮ์อารบาฮ์เริ่มตึงเครียด
ภรรยาและลูกๆ 4 คนของมาห์ดีโดนกลั่นแกล้งโดยคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนเขา
"ช่วงอาศัยในนิคมกอรยาฮ์อารบาฮ์ เราโดนแกล้งหลายหน บ้านโดนขว้างด้วยก้อนหิน มีการพ่นสีข้อความว่าผมเป็นมุสลิมไปแล้ว งั้นก็ย้ายออกไปจากนิคมสิ"
"ไม่ว่าผมจะเดินทางไปไหน พวกเราทั้งครอบครัวโดนรังควานตลอดเพราะ ภรรยาผมคลุมฮิญาบ"
"แถมผมยังโดนหน่วยรักษาความปลอดภัยอิสราเอลสอบปากคำถี่ยิบ แต่ก็เอาเหอะ เพราะสิ่งที่ผมชีเรียสที่สุดก็คือลูกๆ ทั้ง 4 คนของผมต้องนับถือศาสนาอิสลามต่อไป"
มาห์ดีบอกว่า ผู้ชายที่ทำให้เขากลายเป็นมุสลิมคือ วาลีด ซาโลม เจ้าของอู่รถยนต์ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามนิคมกอรยาฮ์อารบาฮ์
ชายหัวแข็งทั้งสองเคยถกกันหน้าดำคร่ำเครียดหลายชั่วโมงเรื่องหลักการและคุณธรรมของศาสนาตัวเอง, ซาโลมรำลึกถึงตอนโน้นให้ฟัง
"ตั้งแต่แรกแล้วที่ผมรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ภายในจิตใจของเขาเป็นคนดีนะ แม้ผมจะไม่คาดหวังว่าจะมีคนแบบนี้จากนิคมกอรยาฮ์อารบาก็ตาม" ชาโลมกล่าว
"เราถกกันไปเรื่อย เลยกลายเป็นสิ่งท้าทายสำหรับผม จนกระทั่งในที่สุดผมบอกเขาว่า: "เอาเป็นว่าตอนนี้เหลือเพียงว่า คุณต้องเปลี่ยนผมให้รับศาสนายูดาย, หรือไม่ผมก็จะเปลี่ยนคุณมารับอิสลามละ' แต่หลังจากนั้นเพียงหกเดือนของการถกเถียงและเจอกันลงท้ายก็คือเขาเปลี่ยนมารับอิสลาม"
มาห์ดีบอกว่าเขาถูกโน้มน้าวให้ละทิ้งศาสนายูดายด้วยเหตุผลทางปัญญา
"ผมพบว่ามีข้อความที่ขัดแย้งกันมากมายในศาสนายูดาย ในขณะเดียวกันผมก็พบว่าอิสลามคือศาสนาที่แท้จริงและศาสนาแห่งปัญญา" เขาบอก
"ผมรับอิสลามเพราะผมค้นหาความจริง เพราะศรัทธาที่มีเหตุผล ไม่ใช่เรื่องอื่น"
มาห์ดีไม่สามารถลบล้างมรดกความเป็นยิวของเขาได้ทั้งหมด รอยสักรูปดาวเดวิดและเมโนราห์ยังคงปรากฏบนแขนล่ำสัน
มาห์ดีไม่ได้สงสัยกับศรัทธาในศาสนาใหม่ของเขา และมิได้สนใจกับการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์
"สิ่งที่ผมต้องการคือรัฐคอลีฟะฮ์แห่งอิสลามในปาเลสไตน์ และ, ด้วยพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า, เยรูซาเล็มจะเป็นเมืองหลวงของรัฐนี้" เขากล่าว
................
(1) ดาวเดวิด คือดาวหกแฉกหรือสามเหลี่ยมสองรูปไขว้กันป็นสัญลักษณ์ของยิว ส่วนดาวแปดแฉกหรือสี่เหลี่ยมสองรูปไขวักันที่มักพบเห็นในศิลปะและสถาปัตยกรรมอิสลามป็นสัญลักษณ์ของชาวอาหรับ
(2) หะรอมอัลคอลีล เป็นการเรียกตามชาวอาหรับ "อัล-คอลีล' เป็นฉายานามของนบีอิบรอฮีม แปลว่า 'ผู้เป็นที่รักของอัลลอฮฺ'
หะรอมอัล-คอลีล เป็นที่ตั้งหลุมศพของนบีและภรรยาของนบีหลายท่านเช่น อิบรอฮีมและซาราห์ อิสฮากและภรรยา คือนางริสกอฮ์, ยะโกบหรือจาคอบ ผู้มีอีกชื่อหนึ่งว่า อิสรออีล และเป็นชื่อชาติพันธุ์อิสราเอลมาจนถึงทุกวันนี้ ในปัจจุบันชาวมุสลิมสามารถเข้าไปชมได้เฉพาะมะกอมนบีอิบรอฮีม, นางชาราห์, อิสหาก, นางริสกอฮฺ, ส่วนมะกอมนบียะโกบนั้นโดนยิวยึดไป กั้นเขตไว้ ห้ามเข้า เพราะถือว่าเป็นบรรพบุรุษคนสำคัญของตัวเอง และเป็นเจ้าของชื่อ 'อิสราเอล' มัสยิดแห่งนี้มีทหารเด็กๆ ของยิวคุมเข้มตรงทางเข้าตลอดเวลา เพราะทางรัฐบาลยิวกลัวจะเกิดไอ้บ้าตัวใหม่อย่างบารุค โกลด์สไตน์ กลับชาติมาเกิด มาไล่ฆ่าคนอีก, ในปัจจุบันทางการยิวปิดทางเข้าด้านประตูใหญ่ ดังนั้นชาวมุสลิมที่ประสงค์จะเข้าไปเยือนมัสยิดแห่งนี้ต้องใช้เส้นทางอ้อมโดยเดินเท้าผ่านตลาดระยะทางเกือบกิโลเมตร
ที่มา: "Former extremist Israeli settier thanks Allah at new West Bank home" AFP.19 June 2005. / มุสลิมใหม่ในโลกตะวันตก