ภาพการจัดละหมาดอำลา ของบรรดาเหล่าคนข้ามเพศที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนสอนศาสนา อัล-ฟัตตะฮ์ (Waria Al-Fattah) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนศาสนา
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: ชีวิตเศร้าของกระเทย เมื่อโรงเรียนปอเนาะของพวกเขาถูกสั่งปิด!
ยอร์คยาการ์ต้า – ภาพการจัดละหมาดอำลา ของบรรดาเหล่าคนข้ามเพศที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนสอนศาสนา อัล-ฟัตตะฮ์ (Waria Al-Fattah) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนศาสนา หรือปอเนาะสำหรับคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ ตั้งอยู่ที่ Celenan Hamlet, หมู่บ้านจากาลัน เมืองยอร์คยาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย
ก่อนหน้านั้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 มีสมาชิกจากกลุ่มสุดโต่ง ‘แนวหน้าเพื่ออิสลามญิฮาด (FJI)’ เดินทางมาที่โรงเรียน และกดดันให้ยุติการเรียน การสอน และการประกอบศาสนกิจทุกอย่างที่นี่
โรงเรียนอัล-ฟัตตะฮ์ ตั้งอยู่กลางหมู่บ้านที่แวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบชวาดั้งเดิม ในพื้นที่ Kotagede ของเมืองยอร์คยาการ์ต้า ชินตา รัตรี ผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งโรงเรียน ได้ย้ายโรงเรียนมาเปิดที่บ้านของเธอที่นี่ ในปี 2014 (2557) ผู้ก่อตั้งโรงเรียนคนแรก คือ มัรยานี (เป็นกระเทยเช่นกัน) ได้คิดตั้งโรงเรียนขึ้นในปี 2008 ที่บ้านเช่าของเขาที่กัมปงโนโตยูดัน (Notoyudan) จนเมื่อเขาเสียชีวิต ชินตา รัตรี จึงได้ย้ายมาที่บ้านของเขาดังกล่าว
ชินตา รัตรี ผู้ก่อตั้งโรงเรียนปอเนาะกระเทย
กิจกรรมที่โรงเรียนสอนศาสนา อัล-ฟัตตะฮ์ ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในหมู่บ้าน โดยมีการเรียน การสอน ในช่วงเวลา 5 โมงเย็น – 3 ทุ่ม มีการจัดตารางการเรียนการสอน เช่น การอ่านอัล-กุรอาน หลักการศาสนา หลักศรัทธา การละหมาด และการบรรยายธรรม เมื่อถึงเดือนรอมฎอน ก็จะมีกิจกรรมพิเศษ เช่น การจัดละศีลอด การจัดละหมาดตารอเวี๊ยะฮ์ การอ่านอัล-กุรอาน ตลอดทั้งคืนจนถึงเวลาอาหารสุโฮร และยังมีการจัดละหมาดอีด ฟิตริ และไปเยี่ยมเยียนสุสานของผู้วายชนม์อีกด้วย
ภายในโรงเรียนมี หนังสือรับรอง และใบประกาศเกียรติคุณจากสถาบันต่าง ๆ ติดไว้มากมาย เพื่อแสดงถึงความสำเร็จที่ผ่านมา และมักจะมีนักศึกษาระดับปริญญาตรี และบัณฑิตศึกษาเข้ามาเยี่ยมชมบ่อยครั้งด้วย
ชินตา รัตรี ได้ไปที่สำนักงานความช่วยเหลือด้านกฎหมาย เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2016 เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีที่ถูกกดดันให้ปิดโรงเรียน ซึ่งเขากล่าวว่า ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้ และอาจจะต้องย้ายไปที่อื่น และว่า โรงเรียนของพวกเขาอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ต้องการเรียนรู้ศาสนาอิสลาม และเป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจให้กับกลุ่มกะเทยที่ไม่ได้รับการตอนรับในมัสยิดทั่วไป
อับดุล มุฮัมมีน ครูที่สอนศาสนาให้กับกลุ่มนี้ กล่าวว่า "เขาช่วยสอนศาสนาโดยอาศัยพื้นฐานด้านมนุษยธรรม เพราะกระเทยก็เป็นมนุษย์ที่พระเจ้าสร้าง พวกเขามีสิทธิที่จะใช้ชีวิต และเรียนรู้ศาสนา "
ครูอารีฟ นูฮ์ ซาฟรี ได้ประณามการห้ามเปิดโรงเรียนดังกล่าว โดยว่า "การทำละหมาด เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่ควรส่งเสริม และกิจกรรมที่เกิดขึ้นที่โรงเรียนก็ไม่มีสิ่งที่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด"
เพิ่มเติม: อิสลามห้ามไม่ให้มุสลิมมีพฤติกรรมการเบี่ยงเบนทางเพศ ไม่ว่าจะเป็น กระเทย เกย์ ทอม ดี้ เป็นต้น เพราะสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการผิดธรรมชาติ ที่อัลลอฮฺ ทรงสร้างมนุษย์มา และเป็นการเปลี่ยนการสร้าง ของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า “โดยแน่นอนเราได้บังเกิดมนุษย์มาในรูปแบบที่สวยงามยิ่ง” (อัตตีน : 4)
และผู้ใดทีมีพฤติกรรมพฤติกรรมการเบี่ยงเบนทางเพศแบบนี้ มีรายงานจากอิบนิ อับบาส เล่าว่า ท่านร่อซูล กล่าวว่า “อัลลอฮฺ ทรงสาปแช่งผู้หญิงที่ทำตัวเลียนแบบผู้ชาย และผู้ชายที่ทำตัวเลียนแบบผู้หญิง” (ดูมัญมัวอฺอัลฟะตาวาอิบนุตัยมียะฮฺ : 22/156 อัลญามิอุศเศาะฆีรอัซซุญูตียฺ : 7265 เศาะเหี๊ยะหุลญามิอฺอัลบานียฺ : 5100 มัญมัวอฺอันนะวาวียฺ : 4/469)
ที่มา: www.nasional.tempo.co