แพทย์หญิงมุสลิมชาวฟิลิปปินส์ เธอต้องเป็นด่านหน้าที่ต้องทำงานวันละหลายชั่วโมงเพื่อผจญกับคนไข้ที่เจ็บป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ไร้บริการอาหารฮาลาล
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: เศร้า! แพทย์มุสลิมฟิลิปปินส์ ทนทำงานหนัก แต่ไร้บริการอาหารฮาลาล
แพทย์หญิงมุสลิมชาวฟิลิปปินส์ ดร.พริ้นเซส ฮานีฟา ซับดุลเลาะฮ์ วัย 36 ปี มาประจำอยู่ที่ โรงพยาบาลมารี จอห์นสัน ในเขตทอนโด ประเทศฟิลิปปินส์ ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ เธอต้องเป็นด่านหน้าที่ต้องทำงานวันละหลายชั่วโมงเพื่อผจญกับคนไข้ที่เจ็บป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
วิกฤติด้านสาธารณสุขครั้งนี้ไม่ใช่ปัญหาแรกที่เธอต้องเผชิญ ก่อนหน้านี้ในปี 2014 หมอฮานีฟา เคยเป็นแพทย์ในห้องฉุกเฉินที่ซาอุดี้อาระเบีย เธอเคยดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ที่เกิดจากเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์อื่น
ปัญหาในฟิลิปปินส์สำหรับหมอฮานีฟา คือ ไม่มีอาหารฮาลาลสำหรับเจ้าหน้าที่มุสลิม ยกตัวอย่างเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้นำอาหารมาบริจาคที่โรงพยาบาลมากมาย แต่อาหารส่วนมากจะปะปนด้วยหมู หรือไม่ได้รับการเตรียมอย่างถูกต้องสำหรับมุสลิม
ผู้ที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างด้านอาหารฮาลาล คือ บริษัทอัลซากี ฟู้ดส์ (Alzaky Foods) ซึ่งจัดอาหารฮาลาลฟรีสำหรับหมอฮานีฟา และเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์มุสลิมคนอื่น ๆ โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้มีใจบุญ ทั้งที่เป็นมุสลิม และไม่ใช่มุสลิม อัลซากี ฟู้ดส์ เป็นบริษัทเดียวในฟิลิปปินส์ที่สามารถจัดหาเนื้อไก่ฮาลาล และกลายมาเป็นเส้นทางชีวิตที่สำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ที่เป็นมุสลิม ในเขต Metro Manila ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิต-19 สูงที่สุดในประเทศ
ซิตี นูรฮานี ลาโอะ อาสาสมัครจัดทำอาหารฮาลาลให้แก่เจ้าหน้าที่มุสลิม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่หลายคนเกรงใจที่จะเปิดเผยว่า ต้องการอาหารฮาลาลในขณะที่ทุกคนกำลังยุ่งกับโรคระบาด
“พวกเขาไม่ต้องการบ่น เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนยากลำบาก แต่มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เจ้าหน้าที่ที่ต้องทำภารกิจสำคัญ ได้กินเพียงขนมปังกรอบกับน้ำเพื่อประทังชีวิต”
โครงการนี้เริ่มเมื่อ นางญาลิละฮ์ ลาโอะ น้าสาว วัย 40 ปี ของนูรฮานี ซึ่งเป็นอดีตแพทย์ แต่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการบริษัท ทำอาหารฮาลาลส่งให้เพื่อนที่เคยร่วมงานสมัยที่เป็นแพทย์ด้วยกัน ซึ่งขณะนี้ต้องทำงานเต็มเวลาอยู่ที่โรงพยาบาล Ospital ng Maynila Medical Center เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา
หลังจากที่เรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านอื่น ๆ ที่เป็นมุสลิมหลายร้อยคน ส่งจดหมายเล่าถึงความยากลำบากในการหาอาหารฮาลาลรับประทาน นับแต่นั้นเป็นต้นมา บริษัทอัลซากี ได้จัดส่งอาหารฮาลาลกว่า 2,400 ชุด ให้กับโรงพยาบาลทั้งของรัฐบาลและเอกชนทั่วเขต Metro Manila อาหารดังกล่าวหากนำไปแช่แข็งทันทีที่ได้รับ จะสามารถเก็บไว้ได้นาน 3 วัน โดยต้องนำมาอุ่นในไมโครเวฟก่อนรับประทาน
บริษัทอัลซากี แบกภาระนี้ไว้บนไหล่ โดยต้องออกเงินส่วนที่นอกเหนือจากเงินบริจาคที่ได้รับจากทั้งมุสลิม และผู้ที่นับถือศาสนาอื่น จุดประสงค์ก็เพื่อให้มั่นใจว่า ผู้ที่เสียสละทำงานอยู่ด่านหน้าจะได้อิ่มท้อง ซึ่งมีความสำคัญพอๆ กับการมีอุปกรณ์ป้องกันส่วนตัว เพราะพวกเขาจะทำงานไม่ได้ดีหากต้องกินแต่อาหารขยะทุกมื้อ
ล่าสุด มีแพทย์และเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขที่เป็นมุสลิม แสดงตัวติดต่อกับอัลซากีเพื่อขอรับอาหารฮาลาลประมาณ 200 คน แต่เชื่อว่า นี่เป็นเพียง 20 – 30 % ของจำนวนเจ้าหน้าที่มุสลิที่แท้จริง หวังว่า สื่อสังคมออนไลน์จะช่วยกระจายข่าวนี้ออกไปให้ได้รับทราบกันด้วย และคาดหวังว่า ทั้งรัฐบาล และองค์กรเอกชน จะสามารถช่วยรวบรวมจำนวนเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ที่เป็นมุสลิมทั้งในเขตมะนิลา และทั่วประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อให้ได้พวกเขาสามารถเข้าถึงอาหารฮาลาลได้ทุกคน
ที่มา: www.newinfo.inquirer.net
http://news.muslimthaipost.com/news/33927
- เสียงอะซานดังก้องใจกลางยุโรป ลือไล่COVID-19ได้
- พยาบาลมุสลิมในอังกฤษ เหยื่อโควิด-19 เสียชีวิตคนล่าสุด
- มัสยิดเบอร์มิงแฮม ขยายพื้นที่บริการ 'ศพโควิด-19'
- ฮิญาบปลอดเชื้อ ต้นแบบแห่งแรกในโรงพยาบาลอังกฤษ
- แปลงมัสยิด เป็นคลังอาหาร ท่ามกลาง COVID-19
- สุลต่านบรูไน สั่งมอบเงินเบี้ยเลี้ยงพิเศษ สู้โควิด-19
- มาเลเซียเคาะแล้ว! ไม่จัดละศีลอด ไม่ละหมาดตะรอเวี๊ยะฮ์ที่มัสยิด