มุสลิมอาเจะหลายร้อยคนร่วมละหมาดตอนค่ำที่ มัสยิดกลางบัยตุ้ลเราะฮ์มาน ในเมืองหลักของดินแดนอาเจะ ซึ่งอยู่ทางสุดปลายตะวันตกของประเทศอินโดนีเซีย
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: อาเจะเปิดมัสยิดให้ละหมาดแล้ว แต่ทุกคนต้องนำสิ่งนี้มาเอง
บันดา อาเจะ – มุสลิมอาเจะหลายร้อยคนร่วมละหมาดตอนค่ำที่ มัสยิดกลางบัยตุ้ลเราะฮ์มาน ในเมืองหลักของดินแดนอาเจะ ซึ่งอยู่ทางสุดปลายตะวันตกของประเทศอินโดนีเซีย
ศรัทธาชนที่มาร่วมละหมาด ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ก่อนอาบน้ำละหมาด พวกเขามามัสยิดพร้อมสวมหน้ากากอนามัย ตามการร้องขอของรัฐบาล แม้จะไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หลายคนนำผ้าปูละหมาดส่วนตัวมาด้วย เพราะทางมัสยิดได้ม้วนเก็บพรมเพื่อมิให้เป็นที่เก็บกักเชื้อโรค
หลายคนกล่าวว่า พวกเขาอยากมาละหมาดที่มัสยิด เพราะรู้สึกว่า การละหมาดที่บ้านไม่สมบูรณ์ ภาพการละหมาดที่มัสยิดในปีนี้ ขัดแย้งกับรอมฎอนปีอื่น ๆ เพราะทุกปีแม้มัสยิดจะจุคนได้หลายพันคนแต่ก็ยังไม่พอเพียง จนศรัทธาชนจำนวนหนึ่งต้องล้นออกมาละหมาดที่ลานด้านนอก แต่ในปีนี้มีผู้มาละหมาดเพียงไม่ถึง 400 คน และแม้พวกเขาจะไม่รวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน แต่ก็ไม่อยู่ห่างกันนักเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ กระทรวงกิจการศาสนาของอินโดนีเซียออกคำแนะนำให้ประชาชนละหมาดที่บ้าน รวมทั้งการทำงาน และเรียนหนังสือด้วย ในขณะเดียวกัน สภาอุละมะอฺอินโดนีเซีย ก็ได้ออกฟัตวาแนะนำว่าไม่ควรชุมนุมกันละหมาด ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 อย่างควบคุมไม่ได้
การระบาดของไวรัสโควิด-19 มีความรุนแรงที่สุดทั้งใน และรอบๆ นครจาการ์ต้า ซึ่งมีประชากรหนาแน่น มีผู้ติดเชื้อในจาการ์ต้า 4,002 ราย และมีผู้เสียชีวิต 370 ราย จากจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งประเทศ 9,511 ราย และเสียชีวิตทั่วประเทศ 773 ราย ส่วนเฉพาะในอาเจะ มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโควิต-19 เพียง 9 ราย และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต
อาเจะเป็นพื้นที่เดียวในอินโดนีเซียที่ใช้กฎหมายอิสลาม โดยสภาอุละมะอฺอาเจะ ได้ออกฟัตวาอนุญาตให้ละหมาดรวมที่มัสยิดได้ ตราบเท่าที่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาล รวมทั้งให้พยายามจำกัดเวลาคุตบะฮ์ และอ่านกุรอานซูเราะฮ์สั้น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการรวมกลุ่มกันนานเกินไป
ที่มา: www.dailymail.co.uk