อิหม่ามมัสยิดฮะรอม ในนครมักกะฮ์ สร้างความงุนงง และวุ่นวายในสื่อสังคมออนไลน์ หลังจากมีผู้ตีความว่า มีการบอกเป็นนัยถึงการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดิอาระเบีย-อิสราเอล
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: คุตบะฮ์วันศุกร์ที่ฮะรอมสร้างความกังขา เหมือนใบ้ให้รู้ความสัมพันธ์ซาอุ-อิสราเอล
คุตบะฮ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 4 กันยายน ของเชค อับดุลเราะฮ์มาน อัล-สุดัยส์ อิหม่ามมัสยิดฮะรอม ในนครมักกะฮ์ สร้างความงุนงง และวุ่นวายในสื่อสังคมออนไลน์ หลังจากมีผู้ตีความว่า มีการบอกเป็นนัยถึงการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดิอาระเบีย-อิสราเอล
ในวันดังกล่าว เชคสุดัยส์กล่าวคุตบะฮ์ (ธรรมเทศนา) ที่เกี่ยวเนื่องกับการเจรจาพูดคุยและความเมตตากรุณา ที่พึงมีต่อผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม และโดยเฉพาะมีการอ้างถึงฃาวยิวด้วย
คุตบะฮ์ดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่ถึง 4 สัปดาห์ หลังจากที่เอมิเรตส์และอิสราเอล ประกาศแผนที่จะปรับความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับปกติ ท่ามกลางการคาดเดาว่า ซาอุดิอาระเบีย จะปฏิบัติตามในแบบเดียวกันหรือไม่
ในคุตบะฮ์ดังกล่าว เชคสุดัยส์ เรียกร้องให้ชาวมุสลิมหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดใดๆ เกี่ยวกับการแก้ไขความเชื่อที่มีอยู่ในใจ กับการแลกเปลี่ยนติดต่อสัมพันธ์อย่างมีคุณภาพ ระหว่างบุคคลและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเขายังยกตัวอย่างหลายเรื่องในชีวิตของท่านศาสนดามุฮัมมัด (ซ.ล.) ที่ท่านรักษาความสัมพันธ์อันดีกับผู้ที่มิใช่มุสลิม อาทิ
กรณีที่ท่านศาสดา (ซ.ล.) อาบน้ำละหมาดจากขวดน้ำของสตรีที่ไม่ได้เป็นมุสลิม การปลอมข้อตกลงสันติภาพกับชาวยิวที่อาศัยอยู่ในค็อยบาร์ และการจัดการกับเพื่อนบ้านที่เป็นฃาวยิวจนในที่สุดเขาได้เปลี่ยนมานับถืออิสลาม เป็นต้น
เชคสุดัยส์ กล่าวว่า เมื่อวาระแห่งการเจรจาในทางที่ดีต่อมนุษย์ด้วยกันถูกละเลย อาจทำให้เกิดการปะทะกันด้านอารยธรรมของผู้คนในบางส่วน รวมทั้งการใช้ภาษาที่แพร่ออกไปก็จะทำให้เกิดความรุนแรง การกีดกัน และความเกลียดชัง และเขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเชื่อฟังผู้นำ และผู้มีอำนาจ รวมถึงการตระหนักถึงกลุ่มที่เชื่อในการชี้นำที่ผิด ๆ
คุตบะฮ์ครั้งนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เชคสุดัยส์กำลังใช้พื้นที่ของมัสยิดฮะรอมที่ศักดิ์สิทธิ์ไปในวิถีทางที่ผิด โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์บางคนกล่าวว่า ดูเหมือนว่าคุตบะฮ์ครั้งนี้จะเตรียมพร้อมเพื่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดี้-อิสราเอล แต่อัล-ซาอุด เคยย้ำอยู่เสมอ: ให้ฮัจญ์และมัสยิดฮะรอมปลอดจากการเมืองทั้งปวง แต่เมื่อตอนนี้พวกเขาต้องการให้การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็เพียงแต่กล่าวอ้างขึ้นได้
เชคสุดัยส์ ยังกล่าวถึงการหารือในสถานะของมัสยิดอัล-อักซอ ในเยรูซาเล็ม ว่า เหมือนถูกยึดไว้เป็นนักโทษ และว่า ประเด็นมัสยิดอัล-อักซอ เป็นความสำคัญสูงสุดสำหรับมุสลิม และต้องไม่ถูกลืมขณะเมื่อมีการดิ้นรนต่อสู้ครั้งใหม่ปรากฏขึ้น “และพึงระลึกไว้เสมอในใจ ว่า ในสื่อหรืออินเตอร์เน็ตอาจนำเสนอในเรื่องการต่อสู้ที่เกินกว่าความเป็นจริง”
ข้อตกลงที่เกิดขึ้นระหว่างอิสราเอล-เอมิเรตส์ ที่มีสหรัฐ ฯ เป็นคนกลาง ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสถานะที่อ่อนไหวของมัสยิดอัล-อักซอ รายงานในสัปดาห์ที่ผ่านมาชี้ให้เห็นว่า มีการใช้ถ้อยคำที่ไม่ชัดเจนในแถลงการณ์ร่วม 3 ฝ่าย โดยมีความพยายามที่จะเปิดประเด็น ให้ยิวสามารถปฏิบัติศาสนกิจที่มัสยิดอัล-อักซอ และเปลี่ยนแปลงสถานะมัสยิดอักซอจากเดิมที่เป็นอยู่
ปัจจุบันชาวยิวได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปยังบริเวณภายนอกมัสยิดอัล-อักซอ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบศาสนกิจ ตามข้อตกลงดั้งเดิมที่อิสราเอลทำไว้กับราชอาณาจักรจอร์แดน ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์อย่างเป็นทางการของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งของชาวคริสเตียนและมุสลิมในเยรูซาเล็ม
ที่มา : www.middleeasteye.net
http://news.muslimthaipost.com/news/34443
- ตอวาฟอำลาฮัจญ์ วันสุดท้ายครั้งประวัติศาสตร์ ไม่เกิน 10,000 คน
- หญิงมาเลเซียในซาอุฯ ถึงกับร่ำไห้ เมื่อเธอได้รับของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิต
- 14 ภาพประวัติศาสตร์ ฮัจญ์ 2020 ที่มีฮุจญาจไม่ถึง 1 หมื่นคน
- ยกเลิกฮัจย์ เคยเกิดขึ้นแล้ว 40 ครั้ง
- บรรยากาศการยกผ้ากะอ์บะห์เมื่อคืนนี้
- บาห์เรนไฟเขียว ให้เที่ยวบินเอมิเรตส์ผ่านน่านฟ้า
- ทวิตเตอร์ลุกเป็นไฟ! หลังให้ผู้นำอิหร่านประณามสหรัฐฯ-เอมิเรตส์
- ราชินีราเนีย สวยงดงาม สวมชุดโดยดีไซเนอร์ซาอุฯ ครบรอบ 50 ปี