สถานการณ์ระหว่างฝรั่งเศสกับโลกมุสลิมก็อยู่ในภาวะตึงเครียด ด้าน ‘มาครง’ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ยังคงมีจุดยืนสนับสนุนการพูดถึงศาสนาได้อย่างเสรี
เสรีภาพกับศาสนา รอยร้าว ฝรั่งเศสกับมุสลิม
หลังเกิดเหตุการณ์ฆ่าตัดคอครูชาวฝรั่งเศส เหตุนำการ์ตูนล้อเลียนศาสดาอิสลามมาสอน สถานการณ์ระหว่างฝรั่งเศสกับโลกมุสลิมก็อยู่ในภาวะตึงเครียด ด้าน ‘มาครง’ ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ยังคงมีจุดยืนสนับสนุนการพูดถึงศาสนาได้อย่างเสรี ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับผู้นำโลกมุสลิมหลายประเทศ ทำให้ชาวมุสลิมในต่างแดนต่างออกมาประท้วงให้คว่ำบาตรสินค้าฝรั่งเศส ไปจนถึงเกิดความกังวลว่า จะนำไปสู่ความรุนแรงอย่างเหตุก่อการร้ายขึ้นอีกครั้งใน
เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2563 ที่ฝรั่งเศส เกิดเหตุชาวฝรั่งเศส ถูกคนร้ายใช้มีดสังหารจนเสียชีวิตที่เมืองนีซ ใกล้กับโบสถ์ Notre Dame ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง หนึ่งในเหยื่อ 3 ราย เป็นผู้หญิงที่ถูกมีดฆ่าตัดคออย่างโหดเหี้ยม ผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมได้ไม่นานหลังลงมือก่อเหตุ
คริสเตียน เอสโตรซี นายกเทศมนตรีเมืองนีซ เปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยได้ตะโกนว่าอัลเลาะห์ อัคบาร์ ที่แปลว่า อัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่หลายครั้ง โดยเขามุ่งเป้าไปว่า การก่อเหตุครั้งนี้คือเหตุก่อการร้าย โดยหน่วยต้านก่อการร้ายฝรั่งเศสจะเร่งสืบสวนเหตุฆาตรกรรมครั้งนี้
เมืองนีซ ถือว่าเป็นเมืองที่เคยเกิดเหตุก่อการร้ายมาแล้ว ในปี 2016 เคยเกิดเหตุคนขับรถบรรทุกพุ่งใส่ฝูงชนในวันชาติฝรั่งเศส จนทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 86 ราย เหตุสังหารล่าสุดนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างฝรั่งเศสกับโลกมุสลิม
หนึ่งในผู้นำประเทศมุสลิมที่กล่าวหา มาครง อย่างรุนแรง คือ ประธานาธิบของตุรกี ทำให้ล่าสุดนิตยสารชาร์ลีเอ็บโดของฝรั่งเศสตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนเขา จนนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ร้าวลึกกว่าเดิม
หลังประธานาธิบดีเรเจป ทายยิป แอร์โดอัน ของตุรกี ออกมาประณามจุดยืนของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงที่สนับสนุนการ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดว่าเป็นการดูหมิ่นศาสนาอิสลาม โดยอ้างเสรีภาพในการแสดงออก และยังไล่ให้มาครงไปตรวจสุขภาพจิต
ล่าสุด ชาร์ลี เอ็บโด นิตยสารแนวล้อเลียนการเมืองชื่อดังตอบโต้ด้วยการตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนประธานาธิบดีแอร์โดกัน อย่างรุนแรง แน่นอนผู้นำตุรกีโกรธมาก ประณามนิตยสารชาร์ลี เอ็บโด และยังขู่ว่าจะดำเนินการตามกฎหมายและการทูตต่อนิตยสารฉบับนี้
หลังจากคำขู่ของประธานาธิบดีแอร์โดอัน รัฐบาลฝรั่งเศสออกแถลงการณ์สวนว่า จะไม่ยอมจำนนต่อคำขู่ของตุรกี ฝรั่งเศสจะยังคงยึดมั่นในหลักการสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกต่อไป
ความขัดแย้งระหว่างฝรั่งเศสกับโลกมุสลิม สะท้อนความขัดแย้งระหว่างกลุ่มคนผิวขาวกับกลุ่มมุสลิมภายในประเทศที่ฝังรากลึกมานานด้วย เหตุใดประชาชนสองกลุ่มนี้ถึงขัดแย้งกัน โดยฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในกลุ่มประเทศตะวันตก ชาวมุสลิมส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลาง และแอฟริกาตะวันตก ที่หนีจากสงครามและความขัดแย้งในบ้านเกิดตั้งแต่ช่วงปี 1960 ปัจจุบันฝรั่งเศสมีประชากรชาวมุสลิมราว 5.7 ล้านคน ถ้าเปรียบเทียบกับในเยอรมนี หรือสหราชอาณาจักร ชาวมุสลิมในฝรั่งเศสมีความยากลำบากในการหลอมรวมกับสังคมมากกว่าด้วยเหตุผลหลัก 2 อย่าง คือ อย่างแรก ความที่ฝรั่งเศสเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของชาติมุสลิมเหล่านั้น ลึก ๆ จึงมีความรู้สึกต่อต้าน อย่างที่สองที่ทำให้ชาวมุสลิมในฝรั่งเศสรู้สึกแปลกแยกคือ คือแนวทางปฏิบัติทางศาสนาอิสลาม กับ หลักการปกครองของฝรั่งเศส มีความย้อนแย้งกันอยู่
ตั้งแต่การปฏิวัติฝรั่งเศส ฝรั่งเศสมีแนวคิดเปลี่ยนประเทศสู่รัฐฆราวาส คือแยกศาสนาออกจากรัฐอย่างเด็ดขาด ภายใต้การปกครองนี้ ฝรั่งเศสไม่สนับสนุนให้มีการแสดงออก หรือใช้สัญลักษณ์เชิงศาสนาในที่สาธารณะ แต่ศาสนาอิสลามมีกฎข้อบังคับหลายอย่างที่แทรกอยู่ในกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่ผ้าคลุมหัวฮิญาบ การไว้หนวดเครา หรือการพักงานเพื่อละหมาดระหว่างวัน แนวการปกครองนี้นำไปสู่กฎหมายที่เป็นที่ถกเถียงที่สุด นั่นคือกฎหมายห้ามสวมใส่ผ้าคลุมทุกประเภทที่ปิดบังหน้าในปี 2011 อนุญาตเฉพาะให้สวมใส่ผ้าคลุมโพกหัว ชาวมุสลิมในฝรั่งเศสจำนวนมากก็โต้แย้งว่า พวกเขาถูกลดรอนสิทธิทางศาสนา ซึ่งขัดต่อหลักการสิทธิเสรีภาพที่ฝรั่งเศสยึดมั่น
ความสัมพันธ์ระหว่างชาวมุสลิมกับกลุ่มผิวขาวในฝรั่งเศสมาถึงจุดที่ตึงเครียดที่สุดเมื่อปี 2015 หลังสำนักพิมพ์ชาร์ลี เอ็บโดมักตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดบ่อยครั้ง จนนำไปสู่การบุกกราดยิงสำนักพิมพ์ของชาวมุสลิม ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลาย 10 ราย และเหตุก่อการร้ายทั่วกรุงปารีสในเดือนพฤศจิกายนในปีเดียวกัน ที่มีทั้งการจับตัวประกัน การใช้ระเบิด และการกราดยิงตามสถานที่สำคัญๆ จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่รุนแรงที่สุดของฝรั่งเศส มีคนเสียชีวิตไปมากกว่า 150 คน เหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นทำให้เกิดภาวะการหวาดกลัวอิสลาม หรือ Islamophobia ขึ้นในสังคมฝรั่งเศส
ความขัดแย้งกับมุสลิมภายในประเทศ จะส่งผลให้มาครงมีนโยบายปราบปรามมุสลิมสุดโต่งที่รุนแรงขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะหากเขาต้องการชนะการเลือกตั้งครั้งที่ 2 ฝรั่งเศสจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนเมษายน ปี 2022 หนึ่งปีหลังประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงได้รับเลือกตั้งในปี 2017 ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ได้รับความนิยมลดลดอย่างฮวบฮาบ
ในปี 2019 เกิดการประท้วงขึ้นทั่วกรุงปารีส ประชาชนไม่พอใจการทำงานของ มาครง ที่ทำให้คนจำนวนมากว่างงาน หรือราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น มาครง ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีนโยบายปราบปรามกลุ่มมุสลิมสุดโต่งที่เบาเกินไป จึงมีการคาดการณ์ว่า เหตุการณ์ฆ่าตัดคอครูชาวฝรั่งเศส จะทำให้มาครงใช้นโยบายปราบปรามมุสลิมที่เด็ดขาดขึ้น เพื่อเรียกคะแนนความนิยมจากประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มขวาจัดกลับคืนมา เพื่อให้เขาชนะการเลือกตั้งได้เป็นสมัยที่ 2 ความสัมพันธ์ระหว่างชาวมุสลิมกับกลุ่มผิวขาวในฝรั่งเศสจึงมีแนวโน้มว่าจะแตกร้าวขึ้นกว่าเดิม
ที่มา: www.pptvhd36.com
- สุดเหี้ยม! 2 หญิงมุสลิมถูกแทงใต้หอไอเฟล มือมีดตะโกน “อาหรับสกปรก”
- บานปลายแล้ว! ฝรั่งเศสสั่งปิดมัสยิดปารีส กวาดล้างเครือข่ายก่อการร้าย
- ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ลั่นเราจะไม่ยอมแพ้ต่อภาพการ์ตูนล้อเลียน
- โลกอิสลาม คว่ำบาตรสินค้าฝรั่งเศส หลังมาครงเปิดเสรีดูหมิ่นศาสดา
- โมร็อกโกประณามการ์ตูนล้อเลียน เหยียดหยามอิสลาม-ศาสดามุฮัมมัด
- สังฆราชนิกายกรีก ออร์โธด็อกซ์ ประณามดูหมิ่นอิสลามในฝรั่งเศส
- ฝรั่งเศสเตือนประชาชนที่อยู่นอกประเทศเลี่ยงชุมนุม
- ผู้นำมุสลิมในฝรั่งเศสแย้ง มุสลิมไม่ควรสนใจการ์ตูนล้อศาสดา
- มหาธีร์ เดือด! มุสลิมมีสิทธิ์ฆ่าคนฝรั่งเศสนับล้าน