เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย แจงยืนยันปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่เกี่ยวการเมือง โดยเฉพาะจาบจ้วงสถาบันมุสลิมยอมไม่ได้
เลขา กอท.แจงยืนยันป้องสถาบัน ไม่เกี่ยวการเมือง
เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย แจงยืนยันปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่เกี่ยวการเมือง โดยเฉพาะจาบจ้วงสถาบันมุสลิมยอมไม่ได้...
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2563 ภายหลังเกิดกระแสการตั้งคำถามของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตถึงความเหมาะสมของการที่องค์กรบริหารกิจการศาสนาอิสลามจัดกิจกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับการเมืองในยามที่คนในชาติกำลังมีความคิดเห็นแตกแยกแบ่งเป็นฝักฝ่าย ขณะที่บางส่วนเห็นด้วยกับการจัดกิจกรรมนี้
นำมาซึ่งการเผยแพร่แถลงการณ์ “สำนักจุฬาราชมนตรี” เรื่อง ชี้แจงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน “รวมพลังมุสลิม ปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์” โดยได้อธิบายว่าวัตถุประสงค์ของการจัดงานในครั้งนี้ เพื่อเน้นย้ำถึงความสำคัญของสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ในสังคมไทยที่สำคัญยิ่ง เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมุสลิม นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
และยังกล่าวว่า สำนักจุฬาราชมนตรีตระหนักดีว่า ปัจจุบันสังคมไทยมีความขัดแย้งและความเห็นต่างทางการเมืองสูง สำนักจุฬาราชมนต รีและองค์กรศาสนาอิสลามทุกระดับ เป็นองค์กรศาสนา ที่ต้องดำรงความเป็นกลางทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม เราตระหนักว่าคู่ขัดแย้งทางการเมืองทุกฝ่ายขณะนี้นั้น ต่างมีจุดยืนที่เห็นตรงกันในการปกปักรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อเป็นสถาบันหลักในสังคมไทยสืบไป
ภาพจากโพสต์ทูเดย์
กิจกรรม “รวมพลังมุสลิม ปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์” เริ่มต้นขึ้นประมาณ 09.30 น. ของช่วงเช้าที่ 10 พ.ย. โดยจุฬาราชมนตรีประธานในพิธีได้กล่าวขอบคุณคณะผู้จัดงาน ที่จัดขึ่นเพื่อแสดงความจงรักภักดีและความรักความห่วงใยในสถาบันหลักของประเทศ
บรรยากาศภายในงานมีประชาชนชาวมุสลิมสวมใส่เสื้อสีเหลือง ชุดโต๊บยาวสีขาว บางส่วนแต่งกายด้วยผ้าคลุมลายธงชาติเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 5,000 คน ซึ่งจากการสอบถามของผู้สื่อข่าวทราบว่าหลายคนเดินทางมาจากต่างจังหวัด อาทิ นนทบุรี สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา อยุธยา ลพบุรี เป็นต้น รวมถึงมีนักเรียนนักศึกษามุสลิมในชุดเครื่องแบบหลากสีสันเข้าร่วมจำนวนหนึ่ง
การเสวนาบนเวทีในหัวข้อ “สถาบันกษัตริย์ กับมุสลิมในแผ่นดินไทย” ถือเป็นไฮไลต์สำคัญของงาน บนเวทีที่มีนักการเมือง อดีตข้าราชการประจำ นักการศึกษารวมไปถึงนักการศาสนาได้นำเสนอเนื้อหาต่าง ๆ ซึ่งภาพรวมคือพระราชกรณียกิจของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อพสกนิกรชาวมุสลิมทั้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ
ก่อนที่กิจกรรมจะจบลงด้วยการประกาศเจตนารมณ์ของชาวไทยมุสลิมโดยนายอรุณ บุญชม ประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี โดยมีเนื้อหาโดยย่อดังนี้ พี่น้องชาวไทยมุสลิมขอยืนยันว่า สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เป็นรากฐานสำคัญของสังคมไทย และมุสลิมมีส่วนร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ในการสร้างชาติ ปกปักรักษาแผ่นดินภายใต้การปกครองของบูรพมหากษัตริยาธิราช ขณะที่กษัตริย์ไทยทุกพระองค์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก
ภาพจาก thestandard
นอกจากนี้มุสลิมตระหนักในจารีตประเพณีอันดีงามของชาวไทยทุกศาสนาและชาติพันธุ์ที่สืบทอดกันมาช้านาน และสุดท้ายสำนักจุฬาราชมนตรีตระหนักดีว่า ปัจจุบันสังคมไทยมีความขัดแย้งและความเห็นต่างทางการเมืองสูง อันเป็นธรรมชาติของสังคมประชาธิปไตย แต่ความขัดแย้งทวีความรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อต้นทุนสำคัญของสังคมไทยอย่างน่าวิตก องค์กรศาสนาแม้จะต้องดำรงความเป็นกลางทางการเมือง แต่ก็มีความห่วงใยต่อสถาการณ์และความมั่นคงของประเทศ
ก่อนที่กิจกรรมจะจบลงด้วยการขอพรจากจุฬาราชมนตรีให้ประเทศไทยมีความร่มเย็นเป็นสุข นอกจากนี้ยังมีการกล่าวซอลาวาต(สรรเสริญศาสดา) และร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
ภายหลังการจัดงาน สุรินทร์ ปาลาเร่ ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนโดยผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสความไม่เห็นด้วยกับการจัดงานของชาวมุสลิมส่วนหนึ่งจนนำไปสู่คำถามของการปฏิรูปสถาบันศาสนายืนยันว่า วันนี้ออกมาไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นการปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยเฉพาะการจาบจ้วงสถาบันชาวมุสลิมยอมไม่ได้ เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์มีบุญคุณต่อชาวมุสลิมเป็นอย่างมาก ถ้าไม่มีสถาบันก็อยู่ไม่ได้ สถาบันให้ความเป็นธรรมกับมุสลิมตลอดมา
ที่มา: White news
ภาพจากโพสต์ทูเดย์
ภาพจากโพสต์ทูเดย์
ภาพจากบีบีซีไทย
ภาพจากโพสต์ทูเดย์
ภาพจาก thestandard