นักโบราณคดีในอิสราเอลเปิดเผยว่า ระหว่างการขุดค้นที่เมืองทิเบเรียส (Tiberias) ได้ค้นพบเศษซากของมัสยิดที่เชื่อว่า อยู่ในยุคแรกสุดของศาสนาอิสลาม
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: ตะลึง! พบซากมัสยิดเก่าแก่ตั้งแต่ทศวรรษแรกสุดของอิสลาม
นักโบราณคดีในอิสราเอลเปิดเผยว่า ระหว่างการขุดค้นที่เมืองทิเบเรียส (Tiberias) ได้ค้นพบเศษซากของมัสยิดที่เชื่อว่า อยู่ในยุคแรกสุดของศาสนาอิสลาม โดยฐานรากของมัสยิดที่ขุดพบอยู่ทางตอนใต้ของทะเลกาลิลี และบ่งบอกว่าถูกก่อสร้างขึ้นประมาณ 1 ชั่วอายุคนหลังการสิ้นชีวิตของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ถือได้ว่าที่นี่เป็นหนึ่งในมัสยิดของชาวมุสลิมที่เก่าแก่ที่สุดที่ได้รับการค้นพบโดยนักโบราณคดี
คาเทีย ซิทริน ซิลเวอร์แมน ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีอิสลามแห่งมหาวิทยาลัยฮิบรู และเป็นหัวหน้าในทีมขุดค้น กล่าวว่า มัสยิดอื่น ๆ ที่สร้างขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เช่น มัสยิดนะบะวีย์ ในมาดินะฮ์ มัสยิดหลวงแห่งดามัสกัส และมัสยิดอัล อักซอ ในเยรูซาเล็ม ยังคงใช้งานอยู่ในปัจจุบัน และนักโบราณคดีไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวใด ๆ ได้
เธอยังกล่าวว่า การขุดค้นพบซากมัสยิดแห่งนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยาก สำหรับการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมของมัสยิดในยุคผู้นำอิสลามยุคแรก และเธอได้ประกาศการค้นพบนี้ในการประชุมทางออนไลน์ในเดือนนี้แล้ว
มัสยิดนี้ถูกสร้างขึ้นราว ค.ศ.670 ซึ่งในช่วงนั้น ทิเบเรียส เป็นเมืองที่มีมุสลิมปกครองมานานหลายสิบปี แต่ได้รับการตั้งชื่อเมืองตามชื่อจักรพรรดิองค์ที่ 2 ของกรุงโรม ย้อนไปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมืองนี้เป็นศูนย์กลางที่สำคัญของชีวิตและด้านการศึกษาของชาวยิวมานานเกือบ 50 ปี จากที่เคยเป็นเมืองของจักรวรรดิ์ไบเซนไทน์ ทิเบเรียสซึ่งตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลกาลิลี จึงเป็นที่ตั้งของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์หลายแห่ง จนในช่วง ค.ศ.635 ทิเบเรียสถูกยึดครองโดยทหารมุสลิม
ภายใต้การปกครองของมุสลิม ทิเบเรียสได้กลายเป็นเมืองเอกและเมืองที่มีชื่อเสียง ของจังหวัดในอาณาจักรอิสลามยุคแรก คอลิฟะฮ์ในยุคนั้นได้สร้างพระราชวังที่ชานเมืองริมฝั่งทะเลสาบ แต่อดีตของมุสลิมยุคแรกในพื้นที่นี้ไม่ค่อยมีผู้รับรู้จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้
คาเทีย ซิทริน ยังกล่าวว่า มัสยิดที่พบนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางโบสถ์ยิว และโบสถ์คริสต์ไบเซนไทน์ ที่มีโครงสร้างตระหง่านกว่า มัสยิดท้องถิ่นในยุคแรก ๆ จะมีขนาดเล็ก และสร้างแบบสมถะ ต่างกับมัสยิดในช่วงอีกกว่า 50 ปีต่อมา ซึ่งมีขนาดใหญ่โตมากขึ้น เธอยังกล่าวว่า ในช่วงก่อนศตวรรษที่ 8 โบสถ์คริสตจักรยังคงเป็นอาคารหลักในเมืองนี้ จนกระทั่งมีการสร้างมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ขึ้นหลังจากนั้น
คาเทียกล่าวว่า สิ่งนี้สนับสนุนแนวคิดที่ว่า ผู้ปกครองชาวมุสลิมในยุคแรกปกครองประชาชนที่ไม่ใช่มุสลิมจำนวนมาก มีการใช้แนวทางที่เปิดกว้าง อดทน อดกลั้นต่อความเชื่ออื่น ๆ ซึ่งทำให้เป็นยุคทองของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติตามแนวทางอิสลาม
“คุณจะเห็นว่า เริ่มแรกของการปกครองโดยอิสลาม ประชากรหลักในบริเวณนี้คือ ชาวคริสเตียน ชาวยิว ชาวสมาเรีย แต่อิสลามไม่ได้ทำลายศาสนสถานของศาสนิกอื่น อิสลามมาอย่างถ่อมตัว ไม่โอ้อวดโดยการสร้างศาสนสถานที่ใหญ่โต แต่พวกเขาวางตัวเข้าสู่สังคมอย่างเหมาะสม จนได้รับการยอมรับในการเป็นผู้นำในที่สุด”
ที่มา: www.theguardian.com
http://news.muslimthaipost.com/news/34911
- 'เอธิโอเปีย' ให้คำมั่นจะบูรณะมัสยิดเก่าแก่อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ
- Saima Mohsin อัยการหญิงมุสลิมคนแรกของสหรัฐอเมริกา
- รัฐอินเดียน่า สหรัฐฯได้วุฒิสมาชิกมุสลิมคนแรกในประวัติศาสตร์
- ปากีฯเรียกร้องให้ปกป้องมรดกอิสลาม จากม็อบฮินดูสุดโต่ง
- มัสยิดตุรกีหลายร้อยปี สร้างโดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว
- มัสยิดสร้างด้วยโครน เก่าแก่แห่งภาคฮาอีล 105 ปี