สร้างความฮือฮา ล่าสุด มาลาลา ยูซาฟไซ นักเคลื่อนไหวทางการศึกษาขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นโว้ก( Vogue) ด้วยฮิญาบสีแดงสด พร้อมเปิดใจยังไม่รู้หนทางหลังจบจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดปีที่แล้ว
มาลาลา ยูซาฟไซ สวมฮิญาบสีแดงสด ขึ้นปก Vogue มั่นใจ!
สร้างความฮือฮา ล่าสุด มาลาลา ยูซาฟไซ นักเคลื่อนไหวทางการศึกษาขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นโว้ก( Vogue) ด้วยฮิญาบสีแดงสด พร้อมเปิดใจยังไม่รู้หนทางหลังจบจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดปีที่แล้ว
บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวันที่2 มิ.ยว่า มาลาลา ยูซาฟไซ (Malala Yousafzai) นักเคลื่อนไหวเพื่อการศึกษาที่มีภาพลักษณ์ติดตาไปทั่วโลกว่า เป็นเด็กผู้หญิงปากีสถานวัย 15 ปีตกเป็นเป้าลอบสังหารเพราะต้องการไปโรงเรียน แต่ในเวลานี้ยูซาฟไซในวัย 23 ปีซึ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดในปี 2020 เธอเปลี่ยนภาพลักษณ์จากเด็กสาวที่เคร่งขรึมมาเป็นผู้หญิงเต็มตัวที่แฝงไปด้วยกลิ่นไอความมั่นใจแบบอังกฤษเดินหน้าขึ้นปกนิตยสารแฟชั่นโว๊ก( Vogue) ชื่อดังฉบับเดือนกรกาคม
เป็นใครก็ต้องเหลียวหลังเพราะยูซาฟไซบนหน้าปกประดุจเดียวกับดอกกุหลาบสีแดงสดจากการโพสต์ท่าและฮิญาบสีแดงที่เธอสวม
ยูซาฟไซชี้ไปถึงฮิญาบสีแดงของเธอว่า ไม่ได้สื่อถึงการถูกกดขี่อันเป็นสัญลักษณ์ที่โลกตะวันตกชอบกล่าวถึง เธอชี้แจงว่า ฮิญาบของเธอแสดงถึงเผ่าปัชตุนในปากีสถานที่เธอจากมา
“และหญิงมุสลิมหรือหญิงเผ่าปัชตุนหรือหญิงปากีสถาน เมื่อพวกเราสวมเสื้อผ้าตามจารีตประเพณี พวกเรามักถูกมองว่าถูกกดขี่ หรือการไม่สามารถแสดงความคิดเห็น หรือการต้องอยู่ภายใต้ระบบชายเป็นใหญ่" ยูซาฟไซกล่าว
และเสริมต่อว่า “ดิฉันต้องการบอกกับทุกคนว่าพวกคุณสามารถที่จะแสดงความคิดเห็นได้ในขอบเขตวัฒนธรรมของพวกคุณ และคุณสามารถมีความเท่าเทียมภายในวัฒนธรรมของพวกคุณ”
ทั้งนี้ยูซาฟไซ กล่าวถึงความรู้สึกถึงการที่ได้ไปมหาวิทยาลัยว่า ในความรู้สึกส่วนตัวแล้วเธอรู้สึกตื่นเต้นไปกับทุกอย่าง จากการที่ได้พบปะกับกลุ่มคนที่มีอายุวัยเดียวกัน ได้กินแม็คโดนัลด์ ได้เล่นโป๊กเกอร์กับเพื่อนๆ เนื่องมาจากยูซาฟไซตั้งแต่เด็กเธอต้องเดินทางไปรอบโลกและต้องอยู่กับคนที่มีวัยต่างกันอย่างหลากหลาย
เธอกล่าวว่า “ไม่เคยได้อยู่กับกลุ่มเพื่อนที่มีอายุไล่เลี่ยกับตัวเองมาก่อน เพราะดิฉันหลังจากฟื้นตัวจากการถูกทำร้ายในครั้งนั้น และต้องเดินทางไปทั่วโลก เผยแพร่หนังสือของตัวเองและทำสารคดีและอื่นๆอีกมากมายที่เกิดขึ้น”
ยูซาฟไซ กล่าวต่อว่า “ที่มหาวิทยาลัยดิฉันได้มีเวลาเป็นของตัวเอง”
ทั้งนี้ยูซาฟไซ สำเร็จการศึกษาจากคณะปรัชญา การเมือง และเศรษฐกิจของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เธอยอมรับว่า ในเวลานี้เธอยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีกับชีวิตต่อไป เธอยังไม่ทราบว่าจะยังคงอาศัยอยู่ในอังกฤษต่อไปหรือย้ายกลับไปยังปากีสถาน หรืออาจจะย้ายไปประเทศอื่นแทน
ในการให้สัมภาษณ์ยูซาฟไซยังกล่าวไปถึงเพื่อนนักเคลื่อนไหวชื่อดัง เกรธา ทุนเบิร์ก ชาวสวีเดน โดยเธอกล่าวว่าทุนเบิร์กมักจะส่งข้อความมาเพื่อขอคำปรึกษา ยูซาฟไซกล่าวว่า “ดิฉันรู้ถึงพลังที่เด็กหญิงมีในหัวใจเมื่อเธอมีวิสัยทัศน์และภารกิจ”
และในตอนท้าย บีบีซีรายงานว่า ยูซาฟไซยังกล่าวอย่างติดตลกว่า มีชายปากีสถานมักส่งจดหมายมาหาบิดาของเธอเพื่อขอแต่งงานด้วย “ผู้ชายคนนี้กล่าวว่า เขามีที่ดินหลายเอเคอร์และบ้านหลายหลังและหวังที่จะแต่งงานกับดิฉัน”
ที่มา: mgronline.com