สมาชิกสภาคองเกรสจากพรรคเดโมแครต รวมหัวตัดงบที่นำไปใช้ในการสั่งแบนมุสลิมของทรัมป์
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: สภาสหรัฐฯ รวมหัวตัดงบทรัมป์ เหตุแบนมุสลิม
สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนและวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ได้นำเสนอกฎหมายอีกครั้ง เพื่อหาหนทางปิดกั้นเงินทุนที่จะนำไปสนับสนุนคำสั่งผู้บริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่สั่งจำกัดการเดินทางของประชาชนจากบางประเทศ โดยคำสั่งนี้เรียกกันทั่วไปว่า "Muslim ban"
ส.ส. จูดี้ ชู จากแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า คำสั่งห้ามมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา ขณะนี้มีการดำเนินการแก้ไขเป็นรอบที่ 3 แต่ไม่มีรูปแบบใดเลยที่แสดงถึงความถูกต้อง โดยเป็นเพียงอาวุธที่ทรัมป์ใช้เพื่อปลุกระดมสร้างความเกลียดชังคนจากต่างชาติ ความคลั่งไคล้ และผลักดันให้เกิดความแตกแยกในระหว่างประชาชน ซึ่งไม่ใช่แบบอย่างของชาวอเมริกันที่เคยรู้จัก เธอยังกล่าวว่า สหรัฐอเมริกาไม่ได้สร้างนโยบายบนพื้นฐานของศาสนา และสหรัฐ ฯ ไม่เคยพุ่งเป้าหาความผิดกับประชาชนอันเนื่องมาจากความศรัทธาของพวกเขา
ชู ยังกล่าวว่า นี่เป็นเรื่องใหญ่โต และเลวร้ายที่สุด เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้อาชญากรรมที่มีสาเหตุมาจากความเกลียดชัง และความรุนแรงเพิ่มจำนวนสูงขึ้น ซึ่งเธอและวุฒิสมาชิกคริสโตเฟอร์ เอส.เมอร์ฟี่ย์ จากรัฐคอนเนคทิคัท กำลังพยายามเสนอกฎหมายเพื่อบล็อกเงินของรัฐบาลกลาง ที่จะต้องนำไปใช้ในกิจกรรมนี้ โดยการใช้วิธีบล็อคห้ามนำเงินไปใช้ในแบบธรรมดา และวิธีง่ายๆ นี้จะดำเนินไปได้เรื่อยๆ โดยไม่สิ้นอายุขัยตามปีงบประมาณด้วย
วิธีนี้น่าจะมีโอกาสที่จะทำได้ เนื่องจากในสภาคองเกรสมี ส.ส.จากพรรคเดโมแครตเป็นเสียงข้างมาก ถึง 116 เสียง
ส.ส.เมอร์ฟี่ย์ กล่าวว่า เมื่อ 2 ปีก่อนหลังจากที่ทรัมป์ประกาศใช้คำสั่งผู้บริหาร ห้ามการเดินทางของประชาชนจากบางประเทศเข้าสหรัฐอเมริกา เขาเพียงคิดว่า ครอบครัวของประชาชนในรัฐคอนเนคทิคัทจะเดือดร้อน เพราะว่าจะไม่ได้พบหน้าญาติพี่-น้องที่รักอีก แต่ความจริงผลของการสั่งห้ามนั้นร้ายแรงกว่ามาก เพราะมันคุกคามความคิดและตัวตนของอเมริกา ซึ่งสร้างชาติมาด้วยความแข็งแกร่งจากความหลากหลายของชาติพันธุ์ต่างๆ ที่มารวมกัน
เมื่อเดือนมิถุนายน 2018 ศาลสูงสุดของสหรัฐอเมริกา ได้พิจารณาว่า คำสั่งห้ามประชาชนจากบางประเทศเดินทางมายังสหรัฐอเมริกา เป็นคำสั่งที่ไม่ละเมิดรัฐธรรมนูญ เพราะมีการอ้างเหตุผลในเรื่องความมั่นคงของชาติ ที่นอกเหนือจากความเป็นปรปักษ์ในทางศาสนา ซึ่งต้องยอมรับในความสำคัญของเหตุผลนี้
แต่สิ่งสำคัญคือ ข้อความและทวีตของทรัมป์เกี่ยวกับการห้ามเดินทาง ฯ ที่ใช้ในการหาเสียงขณะรณรงค์ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และหลังจากได้ตำแหน่งแล้ว มีเนื้อหาที่สร้างอคติและเลือกปฏิบัติต่อมุสลิมหรือไม่
- พ่นสีโจมตีมุสลิม โรคเกรงกลัวมุสลิมในนิวคาสเซิ่ล
- ใส่นิกอบเข้าเยี่ยมหลาน ถูกจนท.โรงพยาบาลอังกฤษตวาดไล่สุดโหด!!
- แต่งงานกับพ่อค้ายาเสพติดก็ได้ แต่..ไม่ใช่มุสลิมเป็นอันขาด!
- ฝันสลาย! จนท.สหรัฐฯ เกือบได้ตำแหน่งใหม่แต่ถูกระงับหลังพบเคยโพสต์ต่อต้านมุสลิม
- อีกแล้ว!! ห้ามใส่ฮิญาบ รร.อนุบาล ปัตตานี
- ดราม่าหนัก ลั่น!! ออเจ้ามุสลิมห้ามดูบุพเพสันนิวาส
- 9 เหตุผลว่า ทำไมชาวลิเวอร์พูล จึงเป็นมิตรกับมุสลิม?
- แผนสร้างห้องละหมาดรับมุสลิมในกีฬาโอลิมปิกส์ พังไม่เป็นท่า!
- สภาสหรัฐฯ รวมหัวตัดงบทรัมป์ เหตุแบนมุสลิม
- พ่นสีโจมตีมุสลิม โรคเกรงกลัวมุสลิมในนิวคาสเซิ่ล
- จับชายแก่อัดคลิปโชว์ ข้อหาหนักอึ้ง!!
- น้ำท่วมซาอุดิอาระเบีย แชร์คลิปสะพรึง จนต้องปิดถนน-โรงเรียนหลายแห่ง
- มุสลิมออสเตรเลียมีกี่ล้าน คุณรู้หรือไม่!
- ทหารยิวสั่งห้าม จนท.ปาเลสไตน์-ฟาตะห์ เข้ามัสยิดอัลอักซอ
ที่มา: www.rollcall.com
http://news.muslimthaipost.com/