เปิดไทม์ไลน์ย้อนคดี ทนายสมชาย ยอดคนดี โดนอุ้มกลางกรุง คนเห็นเพียบแต่เป็นปริศนา ละเอียดยิบ
ย้อนคดี ทนายสมชาย ยอดคนดี โดนอุ้มกลางกรุง คนเห็นเพียบแต่..เป็นปริศนา
“ไม่มีแม้หลุมศพให้รำลึกถึง...” ความรู้สึกลึกๆ จากปากอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่หายตัวอย่างลึกลับนานถึง 15 ปี
“ไม่มีแม้แต่เศษซากของพ่อให้ได้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา...” นางสาวประทับจิต นีละไพจิตร บุตรสาวของทนายสมชาย
ทนายสมชาย นีละไพจิตร
เมื่อกรณี “บิลลี่ พอละจี” กลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง ชื่อของ “ทนายสมชาย” จึงถูกนำมาพูดถึงอีกครา เพราะทั้งคู่คือ บุคคลล่องหนปริศนาที่ถูกกล่าวขานตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“สมชาย นีละไพจิตร” หรือ ทนายสมชาย เขาคนนี้ชีวิตไม่ธรรมดา ตามประวัติเป็นคนกรุงเทพฯ เกิดและเติบโตในละแวกหนองจอก อันเป็นถิ่นของชาวไทยมุสลิม ซึ่งชีวิตในช่วงที่เขายังปรากฏตัว “ทนายสมชาย” ถือว่า เป็นคนเด่นคนดังคนหนึ่งในแวดวงชาวไทยมุสลิมเลยก็ว่าได้
ปูมหลังชีวิต “ทนายสมชาย”
ทนายสมชาย นีละไพจิตร ขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็น “ทนายความน้ำดี” เพราะการทำงานของเขานั้น เป็นการทำงานเพื่อคนอื่น โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากเจ้าหน้าที่ หรือคนยากจนไม่มีเงินทองที่จะสู้ความในศาลทั้งๆ ที่เป็นคนบริสุทธิ์ ทนายสมชายมักจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออย่างสมัครใจ โดยไม่เรียกร้องเงินทองจากคนเหล่านั้น เขาเป็นคนกล้าที่มีอุดมการณ์ในความเป็นธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ที่ถูกกระทำอย่างไม่ถูกต้องเสมอมา
ทนายสมชาย เกี่ยวข้องกับคดีความในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด เฉพาะอย่างยิ่งสามารถช่วยเหลือชาวมุสลิมที่นั่นให้พ้นข้อหา จนศาลยกฟ้องไปหลายคดี จึงทำให้ชื่อเสียงทนายสมชาย แพร่หลายไปในหมู่ผู้คนในชายแดนใต้ เพราะเขาสามารถนำความยุติธรรมกลับคืนมาให้กับคนเหล่านั้น
คดีอุ้มหายทนายสมชาย เป็นข่าวโด่งดัง จนรัฐบาลมีคำสั่งให้ตำรวจนครบาลเร่งสืบสวนหาตัวนายสมชาย และติดตามจับกุมผู้ต้องหาทีมอุ้ม
ทนายสมชาย นีละไพจิตร เมื่อครั้งยังมีชีวิต
ไทม์ไลน์การหายตัวไปของ "ทนายสมชาย"
- 10 มีนาคม 2547 ทนายสมชาย บอกลูกและเมียว่า จะต้องเดินทางไปทำคดีที่ภาคใต้ ซึ่งเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของครอบครัวนี้
- 11 มีนาคม “ทนายสมชาย” เดินทางออกจากบ้านพักในซอยอิสรภาพ 9 แขวงหิรัญรูจี เขตธนบุรี กทม. เพื่อไปทำงานตามปกติ โดยขับรถยนต์ส่วนตัวออกไป
- 12 มีนาคม 20.30 น. ทนายสมชาย เดินทางไปยังโรงแรมชาลีน่า เพื่อรอพบเพื่อน หลังจากนั่งรอที่ล็อบบี้ของโรงแรม แต่เพื่อนมาช้ามาก ทนายสมชายอ่อนเพลีย และอยากพักผ่อน จึงเดินทางกลับ
ระหว่างขับรถยนต์ส่วนตัวโดยใช้เส้นทางถนนรามคำแหง เพื่อจะไปนอนพักค้างคืนที่บ้านเพื่อน มีกลุ่มชายฉกรรจ์จำนวน 5-6 คน ขับรถยนต์ติดตามในระยะกระชั้นชิด จนชนท้ายรถทนายสมชาย
- เมื่อทนายสมชาย หยุดรถเพื่อลงมาพูดคุย กลุ่มชายฉกรรจ์ได้ผลักตัวของทนายสมชาย ให้เข้าไปในรถยนต์ของกลุ่มชายฉกกรจ์ แล้วขับรถพาตัวของทนายสมชายหลบหนีไป
- คนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า สมชายร้องเสียงดังให้ปล่อย และมีเสียงแสดงความเจ็บปวด แต่สุดท้ายก็ถูกนำตัวเข้าไปในรถของคนร้าย โดยคนร้ายคนหนึ่งเข้าไปในรถของทนายสมชาย และขับตามไปด้วย
- นับจากนั้นเป็นต้นมา ลูกเมียเพื่อนฝูงก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย
- 14 มีนาคม นางอังคณา นีละไพจิตร ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.บางยี่เรือ ว่า นายสมชายออกจากบ้านพักมาตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม และได้หายตัวไป
- ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี(ตำแหน่ง ณ สมัยนั้น) ก็ออกมาบอกว่า “นายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความผู้ต้องหาคดีเจไอไม่ได้หายตัวไปไหน เพียงแต่มีปัญหาทะเลาะกับภรรยา จึงหลบมาอยู่กรุงเทพฯ และตัดขาดการติดต่อจากคนอื่น”
เหตุที่เรียกทนายเจไอ เพราะ ปี 2547 ทนายสมชาย เป็นทนายคดีจับผู้ก่อการร้าย เจมาห์ อิสลามิยาห์(เจไอ) และพวก ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกตั้งข้อหาร่วมกันก่อเหตุตัดต้นไม้ และเผาโรงเรียน สร้างสถานการณ์ สนับสนุนกลุ่มคนร้ายปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 จ.นราธิวาส ตลอดจนเป็นแกนนำในการล่ารายชื่อประชาชน เพื่อให้ยกเลิกกฎอัยการศึกที่ประกาศใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ - 16 มีนาคม พนักงานสอบสวนพบรถยนต์ของทนายสมชาย ที่ถนนกำแพงเพชร 2 หลังสถานีขนส่งหมอชิต 2 ขาเข้า แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
- 18 มีนาคม พ.ต.ท.ทักษิณ มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการหายตัวไปของทนายสมชาย
- ในยุคนั้น ผู้สันทัดกรณีหลายต่อหลายท่าน วิเคราะห์ว่า ทนายสมชายได้แฉพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำกับผู้ต้องสงสัยในคดีปล้นปืนจากค่ายทหารที่นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 และตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 5 คน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2547 โดยทนายสมชายแฉว่า จากการได้พบและพูดคุยกับผู้ต้องสงสัยดังกล่าว ทำให้ทราบว่า คนเหล่านี้ไม่ได้กระทำความผิด แต่ที่ต้องรับสารภาพก็เพราะถูกตำรวจทรมาน ใช้ไฟฟ้าช็อต เอาเท้าเหยียบหน้า จับมัดมือแล้วแขวนคอ กรอกปัสสาวะอุจจาระใส่ปาก และทุบตีตามร่างกาย
- 19 มีนาคม มีหลักฐานพบว่า ตำรวจชุดหนึ่งน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มทนายสมชายในคืนวันเกิดเหตุ พนักงานสืบสวนสอบสวน บช.น.จึงอนุมัติจับกุมจำเลยที่เป็นตำรวจทั้ง 5 นาย ในข้อหาลักพาตัว
- อย่างไรก็ดี ตำรวจ 2 นาย ในจำนวน 5 นาย ถูกผู้ต้องหาที่ทนายสมชายช่วยเหลือจากการถูกซ้อมในคดีปล้นปืนว่า เป็นตำรวจที่ซ้อมเขาจริงๆ
- พนักงานสอบสวน ตรวจสอบพบว่า การใช้งานโทรศัพท์ของตำรวจทั้ง 5 นาย น่าจะมีการติดตามทนายสมชายตั้งแต่เช้าวันที่ 12 มีนาคมตั้งแต่ 09.00-20.35 น. และจากการข้อมูลบันทึกการใช้เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถระบุพิกัดสถานที่โทรเข้า-ออกได้ในทุกๆ ครั้ง ได้นำไปสู่การจับกุมตำรวจทั้ง 5 นาย
- 26 มี.ค.2547 สภาทนายความได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานติดตามกรณีการหายตัวไปของนายสมชาย เพื่อดำเนินการตรวจสอบและรวบรวม ข้อเท็จจริงทั้งหมด
- อีก 10 วันต่อมา พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 5 นายต่อศาลอาญา ซึ่งพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ มีความเห็นสั่งฟ้อง คดีผู้ต้องหาทั้ง 5 คน แต่ ทั้งหมดได้ให้การปฏิเสธ
- 12 ม.ค. 2549 ศาลอาญาพิพากษาจำคุก นายตำรวจคนหนึ่ง เป็นเวลา 3 ปีเพียงคนเดียว ในข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดโดยใช้กำลังประทุษร้าย ขณะที่ผู้ต้องหาที่เหลือให้ยกฟ้อง เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ
- 11 มี.ค. 2554 ศาลอุทธรณ์พิจารณายกฟ้องนายตำรวจรายนี้ เนื่องจากไม่มีพยานเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้กับจำเลย และต่อมาศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2558 ให้ยืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฟ้องจำเลย ทั้ง 5 คน
- 10 เดือนต่อมา สำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ ได้มีหนังสือแจ้งมายังนางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยา นายสมชาย ระบุว่า "บัดนี้การสอบสวนได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยกรมการสอบสวนคดีพิเศษมีความเห็นควรงดการสอบสวน เนื่องจากไม่ปรากฏตัวผู้กระทำความผิด และส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา" แต่ทางนางอังคณาไม่เห็นด้วย และยื่นหนังสือคัดค้านไปยัง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เมื่อ 3 พ.ย. 2559 แต่ไม่เป็นผล
- ล่าสุด นางอังคณา นีละไพจิตร ภรรยาของ นายสมชาย นีละไพจิตร ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ช่วง DSI แถลงข่าวว่าพบหลักฐานชิ้นส่วนกระดูกท้ายทอยถูกเผาด้วยความร้อนสูงในถังน้ำมัน 200 ลิตร และต้องตรวจหา DNA ใน Mitocondria รวมถึงพบเหล็กเส้น 2 ชิ้น มีนักข่าวถามว่า #เหล็กเส้นมีความหมายอะไร แต่ DSI ยังไม่ได้ตอบจึงขอแบ่งปันประสบการณ์กรณี #สมชายนีละไพจิตร นะคะ กรณีสมชาย พบถังน้ำมัน 200 ลิตรเจาะรูลักษณะเดียวกันทั้งสิ้น 4 ถังพร้อมเหล็กเส้นถังละ 2 ชิ้น ในพื้นที่และเวลาต่างกัน
#เหล็กเส้นตามภาพใช้ขัดด้านบนของถังน้ำมันเพื่อที่เวลาเผาทำลายศพๆ จะได้ไม่กระเด็นออกมาเพราะเป็นการเผาสด เรื่องนี้คนทั่วไปอ่านยังใจสลาย สำหรับครอบครัวคงไม่สามารถพรรณนาได้
- สุดท้าย ณ วินาทีนี้ ยังไม่มีใครรู้ว่า ทนายสมชายอยู่ที่ไหน...
ที่มา: www.thairath.co.th