สำนักงานจุฬาราขมนตรีได้ออกแถลงการณ์ขอความร่วมมือมุสลิมทุกคนให้ยึดแนวทางการปฏิบัติตนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวดังนี้
จุฬาราชมนตรี แถลงการณ์โควิด-19 ใส่'แมส'ละหมาดได้
เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้องค์กรอนามัยโลก(WHO)ได้ยกระดับการเตือนภัยของโรคในระดับสูงมาก และการควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีความกังวลว่าในไทยอาจเข้าสู่การแพร่ระบาดระยะที่ 3
ล่าสุด สำนักงานจุฬาราขมนตรีได้ออกแถลงการณ์ขอความร่วมมือมุสลิมทุกคนให้ยึดแนวทางการปฏิบัติตนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวดังนี้
1. หลีกเลี่ยงการสลามด้วยการสัมผัสมือ การสวมกอด และการสัมผัสแก้ม โดยให้ยกมือสลามกันเท่านั้น
2. ให้มีการทำความสะอาดอุปกรณ์ และทำความสะอาดสถานทีบริเวณที่มีผู้สัมผัสมาก
3. หลีกเลี่ยงหรืองดการจัดกิจกรรมสาธารสุข การจัดค่ายอบรมต่างๆ และการจัดประชุมสัมมนา หากมีความจำเป็นจะต้องจัดกิจกรรม ให้ผู้จัดจะต้องเตรียมความพร้อมในการคัดกรองผู้เข้าร่วมกิจกรรม และมีมาตรการป้องกันและควบคุมโรค
4. ศาสนาอนุญาตให้สวมใส่หน้ากากอนามัยในการทำการละหมาด
5. งดในการรับประทานอาหารในแบบถาดร่วม ให้แบ่งใส่ภาชนะที่ใช้เฉพาะของตนเอง และงดการรับประทานอาหารใช้มือป้อน
6. งดการอาบน้ำละหมาดในบ่อน้ำหรืออ่างใหญ่ร่วม
7. ผู้เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะที่ประเทศซาอุดิอาระเบียตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. 2563จนถึงปัจจุบันหามีไข้หวัดให้ไปพบแพทย์ทันที ส่วนผู้ที่เดินทางกลับมายังประเทศไทยให้พักอยู่บ้าน14วัน และพยายามอยู่ห่างจากคนอื่นให้นักเรียน นักศึกษาและผู้เดินทางไปออกดะวะ(ออกเผยแพร่หนทางของอิสลาม) ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหรือไปพบแพทย์ด่วน
ให้ทุกคนมีความอดทนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและวิงวอนขอดุอา (ขอพร) จากอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า ให้การทดสอบครั้งนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี หมั่นขออภัยโทษต่อพระองค์ เพราะการขออภัยโทษ เป็นประจําจะทําให้ภัยพิบัติต่างๆ หมดไป และทําให้มีความแข็งแกร่งขึ้นในการเผชิญกับภัยพิบัติเหล่านั้น
เนื่องด้วยการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (COVID-19) ได้ แพร่กระจายเป็นวงกว้าง มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น จึงถือได้ว่าเป็นโรคระบาดที่ต้องปฏิบัติตาม คําแนะนําอย่างเคร่งครัด ดังเจตนารมณ์ของหลักนิติศาสตร์อิสลามที่ว่า
“ปัดป้องสิ่งที่จะก่อให้เกิดความเสียหายก่อนที่จะกระทําในสิ่งที่เกิดประโยชน์” และ “ให้แบกรับความเสียหายส่วนตน เพื่อปกป้องมิให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวม”
และวจนะศาสดามุฮัมหมัด (ซ.ล.) ความว่า
“เมื่อรู้ว่าแผ่นดินใดเกิดโรคระบาด ก็จงอย่าได้เข้าไปยังแผ่นดินนั้น และหากแผ่นดิน ที่อาศัยอยู่เกิดโรคระบาด ก็จงอย่าได้ออกจากแผ่นดินนั้น” (รายงานโดย อิหม่ามบุคอรี)
ดังนั้น การปฏิบัติตามแนวทางข้างต้นในการระวังป้องกันมิให้โรคระบาดดังกล่าว แพร่กระจาย ถือเป็นศาสนบัญญัติที่จําเป็นต้องปฏิบัติตาม ดังพจนารถแห่งอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ความว่า
“และพวกเจ้าอย่าได้สังหารตนเอง โดยกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดลงไป อันเป็นเหตุ ให้พวกเจ้าต้องเสียชีวิตในโลกนี้ แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงโปรดปรานยิ่งต่อพวกเจ้าในประการที่ ทรงห้ามพวกเจ้ามิให้สังหารตนเอง” (บทอันนิซาธ์ โองการที่ 29)
และอัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้า มิได้ให้เกิดความยากลําบากในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา แก่บ่าวของพระองค์ ดังพจนารถแห่งพระองค์ ความว่า
“อัลลอฮ์ทรงเลือกเฟ้นพวกเจ้าแล้วให้เป็นกลุ่มชนแรกที่นําศาสนาของพระองค์ สู่ชาวโลกทั้งมวล และพระองค์มิได้ให้พวกเจ้าเกิดความยากลําบากในการปฏิบัติกิจกรรมทางศาสนา” (บทอัลฮัจญ์ โองการที่ 78)
- มุสลิมฮ่องกง บริจาคแมสปิดปาก สู้ไวรัสโคโรน่า
- 'ไวรัสโคโรน่า'สกัดกั้นผู้แสวงบุญแม้เป็นชาวซาอุฯ-อิหร่านห้ามจัดละหมาดวันศุกร์
- โอลิมปิก2020 ญี่ปุ่นอาจพลาดเป็นเจ้าภาพ เหตุโควิต-19
- อินโดนีเซีย ติดเชื้อโควิต-19 สองรายแรก ท่ามกลางข้อสงสัยในรายงาน
- ISIS สั่งห้ามเดินทางก่อการร้ายในยุโรป อาจติดเชื้อโรค
- ลานตอวาฟว่างเปล่า ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ในมหานครมักกะห์
- รองประธานาธิบดีหญิงอิหร่าน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19
- มุสลิมศรีลังกาละหมาดขอพรให้เหยื่อไวรัส COVID19