มัสยิดหลักประจำกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงของประเทศกรีซ เปิดให้เข้าปฏิบัติศาสนกิจอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ล่าช้ามา 14 ปี จากเหตุความไม่ลงรอย และการเตะถ่วงของระบบราชการ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: ในที่สุดมุสลิมเอเธนส์ก็ได้มัสยิดหลักอย่างเป็นทางการ หลังรอมา 14 ปี
มัสยิดหลักประจำกรุงเอเธนส์ เมืองหลวงของประเทศกรีซ เปิดให้เข้าปฏิบัติศาสนกิจอย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ล่าช้ามา 14 ปี จากเหตุความไม่ลงรอย และการเตะถ่วงของระบบราชการ
การละหมาดครั้งแรกในมัสยิดประจำกรุงเอเธนส์ มีขึ้นในตอนเย็นของวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ภายใต้มาตรการรักษาระยะห่างทางร่างกาย อันเนื่องมาจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในกรีซที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับในประเทศยุโรปส่วนใหญ่ โดยมีผู้เข้าละหมาดเพียงไม่กี่คน อันเนื่องมาจากความจำกัดของพื้นที่ รวมทั้งการต้องรักษาระยะห่างดังกล่าว
สื่อท้องถิ่น Ekathimerini รายงานว่า อิหม่ามประจำมัสยิดคนแรก คือ อิหม่ามซากี โมฮัมเหม็ด วัย 49 ปี เป็นชาวกรีก เชื้อสายโมร็อกโก นาย Giorgos Kalantzis เลขานุการฝ่ายศาสนาของรัฐบาลกรีก กล่าวว่า การเปิดมัสยิดประจำกรุงเอเธนส์ครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า กรีซให้ความเคารพต่อประชาธิปไตย และเสรีภาพทางศาสนา
นับตั้งแต่ปี 1979 ฝ่ายค้านจากฟากโบสถ์คริสต์กรีก ออร์โธด็อกซ์ ได้ทำให้การเปิดมัสยิดต้องล่าช้าออกไป และแม้แต่หลังจากที่รัฐบาลกรีซได้อนุมัติเงินทุน 1.04 ล้าน ในการสร้างมัสยิดแห่งเอเธนส์ในปี 2006 แล้ว แต่ก็ยังคงมีอุปสรรคจากระบบราชการ การประท้วงจากกลุ่มขวาจัดต่อต้านอิสลาม และความท้าทายในการฟ้องร้องต่าง ๆ
ชาวกรีกส่วนใหญ่ร้อยละ 97 นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธด็อกซ์ แต่มุสลิมเป็นชนส่วนน้อยที่อาศัยอยู่บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับตุรกี โดยมีผุ้ใช้แรงงานชาวมุสลิมอีกหลายหมื่นคนรวมทั้งผู้อพยพที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเมืองหลวง
ที่ผ่านมา ตุรกีร้องเรียนว่ากรีซละเมิดสิทธิของชนกลุ่มน้อยที่เป็นมุสลิม และคนเชื้อสายตุรกีมาเป็นเวลานาน โดยมีการปิดมัสยิด จนถึงการปล่อยให้มัสยิดเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อยู่ในสภาพทรุดโทรม โดยไม่บูรณะหรือบำรุงรักษา ซึ่งสิ่งนี้เป็นการละเมิดสนธิสัญญาโลซาน ปี 1923 รวมทั้งคำตัดสินของศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป (ECHR)
ที่มา: www.aljazeera.com