ย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มุสลิม ชาวยิว และผู้คนที่นับถือศาสนาอื่น ๆ รวมประมาณ 100 คน ร่วมพบปะกันในงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน จัดขึ้นที่อารามยิว
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: ผู้นำมุสลิม-ยิวสิงคโปร์ ตอกย้ำความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างชุมชน
ย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มุสลิม ชาวยิว และผู้คนที่นับถือศาสนาอื่น ๆ รวมประมาณ 100 คน ร่วมพบปะกันในงานเลี้ยงละศีลอด เดือนรอมฎอน จัดขึ้นที่อารามยิว Maghain Aboth Synagogue บนถนนวอเตอร์ลู และยังมีการจัดกลุ่มสมาชิกมัสยิดต่าง ๆ ไปเยี่ยมเยียนอารามยิว เพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แต่เนื่องจากการระบาดของโควิด ทำให้การพบปะกันขาดตอนไปเมื่อปีที่แล้ว
เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา กลุ่มมุสลิมหลายกลุ่มร่วมกันจัดงานเพื่อมิตรภาพ และการรวมตัวกันอย่างเป็นปึกแผ่น ระหว่างชาวยิว-มุสลิม ที่สโมสร Raffles Town Club การจัดงานครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อสัปดาห์ก่อน ทางการประกาศว่าได้จับกุมชายหนุ่มชาวสิงคโปร์ วัย 20 ปี ที่วางแผนจะใช้มีดแทงชาวยิว
โมฮัมมัด อะลามี่ มูซา ประธานสภาศาสนาอิสลามแห่งสิงคโปร์ กล่าวในงานดังกล่าว ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่อาจทำลายความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 กลุ่มให้สลาย หรืออ่อนแอลงได้ แต่มันกลับจะทำให้เกิดความเห็นอกเห็นใจกัน และทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เนื่องจากทั้ง 2 ศาสนามีบรรพบุรุษร่วมกัน และคือศาสนาแห่งอิบรอฮีม
นาย Mordechai Abergel หัวหน้าแรบไบแห่งสิงคโปร์ กล่าวในทำนองเดียวกัน ว่า การพูดคุย และการมีส่วนร่วมซึ่งกันและกัน จะทำให้สมาชิกชุมชนทั้งสอง ได้รับความรู้ และรรลุความเข้าใจซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่มิตรภาพที่ยั่งยินขึ้น
ผู้ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานครั้งนี้ ประกอบด้วย ผู้นำชุมชนที่เป็นตัวแทนของกลุ่มชาวมาเลย์ / มุสลิม 27 คน ผู้นำชุมชนชาวยิว 10 คน และนายมาลิกี อุสมาน รัฐมนตรีในสำนักนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์
งานนี้ร่วมกันจัดขึ้นโดย สมาคมมาเลย์-มุสลิม The Muslim Kidney Action Association และ กลุ่ม Roses of Peace ซึ่งเป็นกลุ่มพหุศาสนา
อนึ่ง ชายชาวสิงคโปร์ วัย 20 ปี ที่ถูกคุมขัง เป็นผู้ลงมือกระทำการคนเดียว โดยถูกกระตุ้นให้ก่อความรุนแรงโดยการหมกมุ่นดูโฆษณาชวนเชื่อผ่านทางออนไลน์ ก่อนหน้านี้ ในเดือนธันวาคม เด็กหนุ่มนักศึกษาชาวสิงคโปร์ วัย 16 ปี ถูกจับกุมข้อหาวางแผนสังหารมุสลิม ที่มัสยิด 2 แห่งในสิงคโปร์ จากการถูกกระตุ้นผ่านทางออนไลน์ เช่นเดียวกัน เข้าใจว่า เขาต้องการเลียนแบบการสังหารหมู่ที่เกิดขึ้นที่เมืองไครสต์เชิร์ช เมื่อ 2 ปี ที่ผ่านมา
ที่มา: www.straitstimes.com