ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดใจกับมุสลิมไทยโพสต์ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 กับวัคซีนที่ใช้ในปัจจุบัน
ศวฮ.หนุนมุสลิมฉีดวัคซีนช่วยชาติ
“มันเหมือนเราอยู่ในสงครามเค้ายิงกันกระสุนปลิวว่อนเลย เค้าให้เสื้อเกราะเราใส่ ใครไม่ใส่ไม่เป็นไรแต่ขอแนะนำให้ใส่ เพราะกระสุนจะมาโดนเราเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดใจกับมุสลิมไทยโพสต์ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 กับวัคซีนที่ใช้ในปัจจุบัน โดยให้ความกระจ่างแจ้งเรื่องของกระแสข่าวที่ว่า วัคซีนไม่ฮาลาล
ดร.วินัย : เรื่องนี้ทาง ศวฮ.ได้ศึกษาลึกลงไป และได้เข้าพบศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ ท่านเป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ราชบัณฑิตและเป็นหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งท่านได้รับเชิญมาเป็นที่ปรึกษาสถานการณ์โรคระบาดโควิด 19 ให้รัฐบาล ท่านได้มีโอกาสพบกับผู้บริหารของแอสตร้าฯ และคำถามแรกที่ท่านถามคือ มีการใช้โปรตีนจากสุกรหรือไม่ คำตอบคือเค้าไม่ได้ใช้ครับ ขณะนี้เค้ามีวิธีที่รวดเร็วและลดต้นทุนง่ายที่สุดเลยคือการใช้พวกยีนส์ หรือโปรตีนรีคอมบีแนนท์ใส่เข้าไปในแบคทีเรีย เราเลี้ยงแบคทีเรียโอ้โฮมันผลิตโปรตีนขึ้นมามหาศาล เดี๋ยวนี้แทบจะไม่มีการใช้เทคนิคเก่าคือเค้าไม่รอที่จะต้องมานั่งเลี้ยงสัตว์ กรณีนี้มันไม่มีการใช้สุกรซึ่งเป็นข้อมูลที่ตรงกับที่ทางผู้แทนของรัฐบาลก็คืออาจารย์หมอยง ให้กับนักวิทยาศาสตร์ฮาลาล ซึ่งวันนั้นเราไปเกือบสิบคน แล้วอาจารย์หมอยงเนี่ยได้แสดงความจริงใจโดยวันรุ่งขึ้นท่านให้เราไปพบอธิบดีกรมการแพทย์ ที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร ในกรณีของประเทศไทยบรรดาอุลามะห์ของเราในพื้นที่สามจังหวัดเราจะเอาบริบทของอินโดฯ ของมาเลเซีย ของสิงคโปร์มาใช้ในบ้านเราซึ่งมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันไม่ได้ ผมเนี่ยยืนอยู่บนผลประโยชน์ของพี่น้องเราที่อยู่ในประเทศไทย เพราะฉะนั้นพออินโดฯ ตีความมาแล้วให้เรารับมาร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะเราเป็น มัซฮับเดียวกันไม่ได้ เราจำเป็นที่จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าจริง ๆ มันมีการปนเปื้อนจริงหรือไม่ซึ่งมันไม่มี อีกประการหนึ่งตามความคิดของผม สาเหตุที่อินโดนีเซียตีความออกมาอย่างนี้อาจเป็นเพราะว่าประเทศเค้าไม่ใช่ผู้ผลิตวัคซีนอาจจะได้ข้อมูลที่ไม่ครบ ซึ่งต่างกับเราเรามีโรงงานผลิตวัคซีนแอสตร้าซีเนก้า เราจึงได้ข้อมูลจากบริษัทฯ อย่างละเอียดครบถ้วน
MTP : ยังมีคนบางส่วนที่ยังคงปฏิเสธการฉีดวัคซีน เพราะข่าวลือมากมาย
ดร.วินัย : กรณีข่าวลือนี้ตั้งแต่การพัฒนาวัคซีนตัวแรกเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วมันก็มี แต่ผมถามสังคมว่าก่อนหน้านี้เนี่ยเรามีคนที่เสียชีวิตด้วยบาดทะยัก คอตีบ ไอกรน อหิวาตกโรค แม้กระทั่งพิกลพิการจากโปลิโอเป็นร้อยล้านคน หลังจากที่มีการพัฒนาวัคซีนโรคพวกนี้ก็หายไป อันนี้คือข้อดีของวัคซีนมั้ย ข่าวลือมีมาตลอดในทุกการพัฒนาของวัคซีน เป็นเรื่องปกติเพราะเกิดจากความหวาดกลัว ไม่ไว้ใจ กังวล แต่มันก็มีบทพิสูจน์ชัดเจน
MTP : ทางออกของสถานการณ์นี้คือ เราต้องไปฉีดวัคซีน
ดร.วินัย : ท่านนายกบอกว่าท่านจะเปิดประเทศ จะเปิดได้หรือไม่ได้ปัจจัยหลักคือวัคซีน ถ้าเราฉีดวีคซีนให้ได้ประมาณ 100 ล้านโดส คลุม 70% ของประชากรแล้วเนี่ยเราสามารถที่จะป้องกันได้ นี่เป็นหลักการที่ทั่วโลกใช้ แต่เราต้องเข้าใจ 70% ของประชากรคนที่ไม่ใช่มุสลิมเนี่ยเค้าอยู่ด้วยกันหมด แต่มุสลิมเนี่ยถ้าอยู่สามจังหวัดจะบอกว่าถ้าคนไทยฉีดไปครบ 100 ล้านโดสป้องกันมุสลิมได้ ไม่ได้ครับ เพราะมุสลิมเราเนี่ย 80% อยู่ในสามจังหวัด นั่นหมายความว่าคน 70 %ในสามจังหวัดต้องฉีดจึงจะป้องกันสามจังหวัดได้ แล้วทำไมการฉีดวีคซีนจึงเป็นปัจจัยหลัก ทั่วโลกเค้าแสดงให้เห็นว่ามันลดลงเมื่อมีการฉีดวัคซีน ทุกประเทศคนติดเชื้อลดลงและการเสียชีวิตก็ลดลง ตัวเลขมันชัดเจนเค้าเก็บตัวเลขกันทุกวัน แต่ประเทศไทยตอนนี้เรายังฉีดไม่ถึง 70 %จะเห็นได้ว่าตัวเลขของเราไม่ลดเลย วันนี้เรายังติดเชื้อสองพันสามพัน วันนี้ถ้าไม่เร่งฉีดวัคซีน ตัวเลขก็จะแกว่งอยู่สองพันสามพันแบบนี้ไปตลอด เราก็ยังเปิดตลาดไม่ได้ เปิดธุรกิจไม่ได้ เรายังเดินทางออกไปนอกประเทศไม่ได้ ตัวเลขมันไม่โกหก”
MTP : ดังนั้นมุสลิมในสามจังหวัดต้องออกมาฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุด ถึงจะป้องกันสามจังหวัดได้
ดร.วินัย : เพราะเราไม่ได้มีมุสลิมกระจัดกระจายในสัดส่วนเท่ากันทั่วประเทศ ในสามจังหวัดมุสลิมเป็นประชากรหลัก ตรงนี้เนี่ยมุสลิมในสามจังหวัดต้องฉีด มีคนเข้ามาหาท่านรอซูลุลลอฮ์แล้วถามท่านว่าจะผูกอูฐไว้หรือจะตะวักกัล ท่านรอซูลฯ บอกว่าให้ผูกให้แน่นแล้วตะวักกัล ถ้าหมายความในขณะนี้เลยก็คือท่านรอซูลฯ แนะนำให้เราฉีดวัคซีนและตะวักกัล คือ เราฉีดวัคซีนก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ติดเชื้อ แต่ว่าทั้งหมดเนี่ยเราต้องป้องกันตัวเราให้ดีที่สุดแล้วจึงจะตะวักกัล ไม่ใช่เห็นรถวิ่งกันแล้วเราก็วิ่งข้ามถนนไปโดยไม่ได้ดูรถเลย รถจะชนไม่ชนก็ตะวักกัล ไม่ถูก ไม่ใช่หลักการของอิสลาม
MTP : จะฝากอะไรถึงพี่น้องมุสลิม ในฐานะที่อาจารย์เป็นผู้ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการวัคซีน ได้รับการยอมรับให้ไปบรรยายในเรื่องวัคซีนบนเวทีโลกหลายครั้งหลายครา
ดร.วินัย : สิ่งแรกที่เราจำเป็นต้องทำและไม่ควรมีคำถามในเชิงวิชาการแล้วก็คือไปฉีดวัคซีน เมื่อฉีดวัคซีนแล้วป้องกันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์มั้ย ไม่ แต่ว่าสิ่งที่เค้ายืนยันได้เลยก็คือเมื่อเราฉีดวัคซีนแล้วนั้น วัคซีนจะทำให้เราไม่เป็นโรคหนักหนาสาหัสแล้วจะทำให้เราไม่เสียชีวิต ประเทศไทยเปรียบเหมือนรถไฟที่กำลังจะเคลื่อนออกไป รัฐบาลเนี่ยเป็นหัวรถจักรที่จะต้องลากเราทั้งประเทศไป มุสลิมเป็นโบกี้หนึ่งโบกี้ เราจะไม่ขยับ จะล็อคล้อไว้หมด หรือเราจะมีส่วนรวมในเรื่องของการผลักดันให้สังคมไทยกลับไปสู่ภาวะปกติอย่างเร็ว หรือจะคอยฉุดรั้ง มันอยู่ที่เรา ผมคิดว่าเราทุกคนควรจะต้องลงมาช่วย อย่าให้รัฐบาลโดดเดี่ยวทำงานคนเดียว เราในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมเราต้องลงมาช่วย นี่เป็นเรื่องใหญ่ และก็ไม่แนะนำให้รอจนกระทั่งเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เพราะหลักการอิสลามคือเราต้องดูแลตัวเองและเราจะต้องไม่สร้างปัญหาให้ผู้อื่น บางคนบอกไม่เอาจะรอยา พอใจที่จะกินยาเกิดโรคเมื่อไหร่ก็กินยาเมื่อนั้น จากประเด็นที่เราเห็นกันก็คือเมื่อโรคมันเข้ามาแล้วนั้นน่ะเรากินยาไม่ทัน ถึงจุดนึงเนี่ยเราหายไจไม่ได้แล้วเชื้อลงปอดแล้วเรากินยาไม่ทันครับ หรือเรากินยาทันปรากฏว่าปอดพังไปสิบยี่สิบเปอร์เซ็นต์มันไม่คุ้ม อยากให้แต่ละคนคิดถึงชีวิต คิดถึงความทุกข์ทรมานเมื่อเกิดโรค เพราะฉะนั้นป้องกันตัวเราเอง รักษาชีวิตไว้เพื่อทำอิบาดะห์ให้ยาวนานดีที่สุด