
อิหม่ามใหญ่แห่งอัลอัซฮัรและเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก เรียกร้องประชาคมโลกช่วยขจัด “อิสลามโมโฟเบีย”
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: อิสลามโมโฟเบีย อิหม่ามอัลอัซฮัรเรียกร้องโลกหยุดเกลียดชังมุสลิม
อิหม่ามใหญ่แห่งอัลอัซฮัรและเลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก เรียกร้องประชาคมโลกช่วยขจัด “อิสลามโมโฟเบีย”
ไคโร - สำนักข่าวอานาโดลูของตุรเคีย รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมา อิหม่ามใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ประเทศอียิปต์ ได้เตือนคนในสังคมว่า ความพยายามสร้างความเกลียดกลัวต่ออิสลามนั้นมีจำนวนเพิ่มขึ้น และท่านได้เรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องใช้กฎหมายดำเนินการต่อพฤติกรรมดังกล่าว
คำเตือนนี้ ได้ถูกกล่าวในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเนื่องใน "วันสากลเพื่อการต่อสู้กับอิสลาโมโฟเบีย" โดยผู้แทนถาวรของประเทศอียิปต์ประจำสหประชาชาติ
Dr. Sheikh Ahmad Muhammad Al Tayyeb
ศาสตราจารย์ เชคดร.อะห์หมัด อัตตอยยิบ ได้ย้ำว่า การที่ได้กำหนดให้มี “วันสากลแห่งการต่อสู้กับการสร้างความเกลียดกลัวอิสลาม (Islamophobia)” ถือเป็น "ความพยายามที่น่ายกย่องของผู้แทนกลุ่มประเทศมุสลิมประจำสหประชาชาติ"
ท่านยังได้กล่าวถึงอิสลาโมโฟเบียว่า "เป็นการกระทำของผู้ที่ขาดเหตุผล ขาดการไตร่ตรองและถือเป็นภัยคุกคามต่อความสงบสุขของสังคมโลก"
"คำว่า อิสลาม เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากคำว่า สลาม ซึ่งแปลว่าสันติ ในภาษาอาหรับ เป็นคำที่บ่งบอกแกนคุณธรรมของศาสนาที่ประกอบด้วย ความเมตตา ความรัก การอยู่ร่วมกัน ความมีใจกว้าง และความเป็นพวกพ้องเดียวกันของผู้คน ไม่ว่าเขาจะมีผิวสีใด มีความเชื่อแบบใด พูดภาษาใด หรือชนชาติใด"
เชคดร.อะห์หมัด ยังกล่าวอีกว่า "อิสลาโมโฟเบีย" ไม่ใช่อื่นใดเลย แต่เป็นผลิตผลของการเพิกเฉย การพยายามไม่รับรู้ต่อคุณธรรมแห่งศาสนาที่ยิ่งใหญ่ ศาสนาแห่งความมีใจกว้าง และท่านได้กล่าวอีกว่า มันคือผลของความพยายามที่จะบิดเบือนหลักการของศาสนาที่วางอยู่บนหลักแห่งความสันติสุขและการอยู่ร่วมกัน
Sheikh Dr. Mohammad Al-Issa
สื่อยังได้รายงานว่า เชคดร.มุฮัมมัด อัลอีซา เลขาธิการสันนิบาตมุสลิมโลก ได้รับเชิญให้กล่าวปาฐกถา ณ ที่ประชุมของสหประชาชาติ กรุงนิวยอร์ค เนื่องในวันสากลเพื่อการต่อสู้กับอิสลาโมโฟเบีย
เชคดร.อีซา ได้กล่าวเช่นกันว่า มีสถิติที่น่าเชื่อถือบ่งบอกว่า การก่ออาชญากรรมต่อมุสลิม การปฏิบัติสองมาตรฐาน การกีดกันมุสลิม และการปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐานนั้นมีเพิ่มขึ้น
เชคดร.มุฮัมมัด อัลอีซา ได้กล่าวอีกว่ามุสลิมซึ่งมีจำนวนมากกว่า 2,000 ล้านคนทั่วโลก รับรู้ถึงหลักการอยู่ร่วมกันต่อความหลากหลายทั้งด้านชาติพันธุ์ วัฒนธรรม และศาสนา โดยท่านได้เอ่ยถึงโองการแห่งอัลกุรอาน บทที่ 49 อายะห์ที่ 13 ความว่า "โอ้มนุษยชาติทั้งหลาย แท้จริงเราได้สร้างพวกเจ้าจากเพศชาย และเพศหญิง และเราได้ให้พวกเจ้าแยกเป็นเผ่า และตระกูล เพื่อจะได้รู้จักกัน แท้จริงผู้ที่มีเกียรติยิ่งในหมู่พวกเจ้า ณ ที่อัลลอฮฺนั้น คือ ผู้ที่มีความยำเกรงยิ่งในหมู่พวกเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน" (49:13)
ดร.อัลอีซา ยังกล่าวว่า การยุยงให้เกลียดกลัวอิสลามและมุสลิม ไม่ใช่เป็นปัญหาด้านศาสนา แต่เป็นวิกฤติการณ์ของมนุษยชาติ เป็นสิ่งที่สร้างอันตรายต่อสันติสุขของโลกและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
ในตอนท้าย ท่านได้เรียกร้องยังประชาคมนานาชาติ เพื่อการทำงานร่วมกันบนพื้นฐานของความมีใจกว้าง มีความเข้าใจกัน และท่านได้กล่าวถึงบทบาทของสถานศึกษาและสถาบันวัฒนธรรมที่ต้องปลูกฝังการรับรู้ การมีทัศนคติที่ถูกต้องโดยเฉพาะระหว่างเยาวชน
ที่มา: www.aa.com.tr
https://news.muslimthaipost.com/news/38996
- ทรัมป์นัดปูตินที่ซาอุฯ ถกอนาคตยูเครน
- Gabriel Attal เป็นเกย์-นายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดของฝรั่งเศส
- ทรัมป์สั่งลุย! ฮูซีย์ติดบัญชีดำ องค์กรก่อการร้ายต่างชาติ
- ส.ส.ฟลอริดาเจอแรงต้าน หลังแสดงยินดีต่อนักเคลื่อนไหวเสียชีวิต
- ตุรเคียจ่อเป็นเจ้าภาพ จัดประชุมรัฐมนตรีสารสนเทศ OIC
- สุดเหี้ยม! หญิงมุสลิมท้องแก่ถูกต่อย แถมเหยียบหน้าอย่างบ้าคลั่ง (คลิป)
- UN ประกาศ 15 มีนาคม “วันสากลแห่งการต่อต้านอิสลาโมโฟเบีย”