สมาคมแห่งชาติเพื่อสิทธิมนุษยชน NSHR ของซาอุดิอาระเบีย ออกแถลงการณ์ในวันอาทิตย์(13 มกราคม)ประณามชาติตะวันตก
สมาคมแห่งชาติเพื่อสิทธิมนุษยชน NSHR ของซาอุดิอาระเบีย ออกแถลงการณ์ในวันอาทิตย์(13 มกราคม)ประณามชาติตะวันตก และองค์กรระหว่างประเทศที่ยุยงให้พลเมืองหญิงหลบหนีออก นอกประเทศ ด้านอดีตทูตแคนาดาเตือนรัฐบาลอย่าใช้เด็กสาวซาอุฯ เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการเมือง
รอยเตอร์รายงานว่าแถลงการณ์ที่ออกมาในช่วงค่ำวันอาทิตย์(13) สมาคมแห่งชาติเพื่อสิทธิมนุษยชน NSHR ไม่ได้เอ่ยชื่อของ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนุน ที่เดินทางเข้าประเทศไทย และโกหกว่าต้อง การต่อเครื่องไปยังออสเตรเลีย แต่กลับไม่แสดงหลักฐานการเดินทางจนถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไทยปฎิเสธการเข้าประเทศ พร้อมส่งตัวให้สายการบินนำกลับไปยังประเทศต้นทาง
รอยเตอร์ชี้ว่า นี่ถือเป็นการออกมาแสงดความเห็นครั้งแรกจากซาอุดิอาระเบียนับตั้งแต่อัล-คูนุนที่อ้างว่าถูกครอบครัวกดขี่ ได้รับการต้อนรับจากแคนาดาเยี่ยงวีรสตรี พร้อมให้ที่สำหรับลี้ภัยและที่ พักฐาวร พร้อมพาไปเปิดบัญชีเพื่อสนับสนุนทางการเงิน
Mufleh al-Qahtani ผู้อำนวยการ NSH ออกแถลงการณ์ กล่าวโทษบางประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ สำหรับการผลักดันวาระทางการเมือง และ “ผลักให้(ผู้หญิง) ต้องหลงทาง และ บางทีอาจตกอยู่ในน้ำมือของนายหน้าคนกลางและกลุ่มลักลอบค้ามนุษย์”
ในแถลงการณ์ ยังระบุอีกว่า “NSHR รู้สึกแปลกใจที่มีการยุยงออกมาจากบางประเทศที่ให้สตรีชาวซาอุฯ ประพฤติผิดทางอาญาขั้นต่ำด้วยการเป็นกบฎต่อคุณค่าของครอบครัวของคนเหล่านั้น และผลักดันให้พวกเธอเดินทางออกนอกประเทศ และตอบรับคนเหล่านั้นภายใต้ชื่อการให้ที่ลี้ภัย”
แถลงการณ์ยังยืนยันว่า กฎหมายซาอุดิอาระเบียห้ามการปฎิบัติไม่เหมาะสมต่อสตรี พร้อมทั้งยังอนุญาตให้สตรีที่ถูกกระทำสามารถเข้าร้องเรียนได้
นอกจากนี้อดีตเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำซาอุดิอาระเบีย ที่ถูกขับออกจากประเทศเมื่อปีที่แล้วออกมาเตือนรัฐบาลแคนาดาว่า อย่าใช้สาวซาอุฯ เป็นฟุตบอลทางการเมืองเพื่อตอบโต้สำหรับ ปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนในซาอุดิอาระเบีย
เดนนิส โฮรัค(Dennis Horak) อดีตเอกอัครราชทูตแคนาดาได้แสดงความเห็นผ่านการรายงานของสื่อ CBC แคนาดาในวันเสาร์(12)ว่า หากรัฐบาลแคนาดาตัดสินใจที่จะหาประโยชน์จาก การเดินทางมาที่แคนาดาของ ราฮาฟ โมฮัมเหม็ด อัล-คูนุน เพื่อประโยชน์ทางการเมือง มันอาจเสี่ยงที่จะทำให้อัล-คูนุนต้องตกอยู่ในอันตราย
CBC ระบุว่าการให้สัมภาษณ์ของอดีตทูตในรายการ “อย่างที่เกิดขึ้น” (As It Happens) ที่มีผู้ดำเนินรายการคือ แคโรล ออฟ(Carol Off) เกิดขึ้นก่อนที่สาวซาอุฯ จะเดินทางมาถึงเมือง โตรอนโต
โดยอดีตทูตโฮรัคกล่าวว่า การที่แคนาดาออกหน้าให้ที่ลี้ภัยเป็นเพราะ เป็นสิ่งที่สมควรกระทำ แต่ชี้ว่าอาจกลายเป็นดาบ 2 คม เพราะทางซาอุดิอาระเบียอาจประกาศตัดความสัมพันธ์ได้ ยิ่งใน สถานการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติไม่สู้ดี
แต่อย่างไรก็ตาม อดีตเอกอัครราชทูตแคนาดาชี้ว่า แต่คิดว่า การกระทำของแคนาดายืนยันในจุดยืนเดิมมาตลอด สอดคล้องกับท่าทีของรัฐบาลในด้านสตรีและสิทธิมนุษยชน
และเมื่อโฮรัคถูกถามถึงออสเตรเลียว่า เป็นไปได้ไหมที่ทางออสเตรเลียไม่ต้องการให้ที่ลี้ภัยแก่อัล-คูนุน ทำให้เขาตอบกลับมาว่า
“ผมไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่รับหรือพยายามที่จะเตะถ่วง แต่ที่แน่ๆ คือพวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกว่า มากกว่าของเรา และบางทีพวกเขาอาจจะวิตกว่าอาจเป็นผลร้ายกลับมา”
และเมื่อโฮรัคถูกถามว่า ทางแคนาดาจะหาประโยชน์อะไรได้จากสถานการณ์การให้ที่ลี้ภัยแก่อัล-คูนุน เขาได้ตอบกลับมาว่า
“มีสิ่งที่ชัดเจนคือ…การสนใจจากสื่อเมื่อเธอเดินทางมาถึง และคำถามคือ เราจะข้องเกี่ยวทางการเมืองกับสิ่งนี้มากน้อยเท่าใด เธอจะกลายเป็นฟุตบอลทางการเมืองมากเท่าใด…หากว่าเรามีนายก รัฐมนตรีที่ให้การต้อนรับเธอ มีรัฐมนตรีที่ทักทายเธอ รวมไปถึงงานแถลงข่าวและทั้งหมด ”
และเสริมต่อว่า “หากว่า ต่อไปข้างหน้า เธอตัดสินใจแล้วว่า …เธอต้องการเป็นตัวโฆษณาสำหรับกฎหมายผู้ปกครองชายในซาอุฯ และความจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านสิทธิมนุษยชน นั่นต้องขึ้นอยู่กับเธอเอง” โฮรัคกล่าวย้ำว่า “แต่ผมไม่คิดว่าจะอยู่ในความสนใจของเธอสำหรับเราในการจัดการเล่นเกมส์กับเธอในเวลานี้”
และเมื่อเขาได้ถูกถามถึงความกังวลจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่อตัวสาวซาอุฯ ที่ไม่แต่พ่อและพี่ชายเดินทางจากซาอุฯ เพื่อมาตามตัวเธอถึงไทย แต่ยังรวมไปถึงจากการที่อัล-คูนุนกล่าวปฎิเสธศา สนาอิสลาม ในประเด็นนี้อดีตทูตแคนาดากล่าวอย่างชัดเจนว่า
“ดังนั้น เธอตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภูมิหลังเช่นนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมได้ชี้ว่า ทำไมถือเป็นเรื่องสำคัญเป็น 2 เท่าที่เราต้องไม่ใช้เธอสำหรับการโฆษณา พยายามที่จะไม่หา ประโยชน์ทางการเมืองจากตัวเธอในจากฐานะรัฐบาลหรือองค์กรของแคนาดา”
ล่าสุดทางการแคนาดาเริ่มใช้สาวซาอุฯ เป็นเครื่องมือตอบโต้ทางการเมืองด้วยการปล่อยให้เธอเดินสายออกสื่อพูดเรื่องเสรีภาพ โดยอ้างว่า “รู้สึกดีมากและคุ้มค่าที่ได้เสี่ยง เพราะเธอคงไม่สามารถ ทำตามความฝันได้ หากยังอยู่ในซาอุดีอาระเบีย การมาที่นี่ทำให้เธอเหมือนเกิดใหม่และได้รับการต้อนรับ หลังจากนี้จะพยายามลองทำทุกอย่างที่ไม่เคยลองมาก่อนและเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยได้เรียน”
คุณอาจกำลังสนใจสิ่งนี้
จากรังเกียจกลายเป็นยอมรับ หญิงเวียดนามกลับจากซาอุฯ ในสภาพมุสลิม
ศัลยแพทย์หญิงซาอุฯ นำทีมผ่าตัดเนื้องอกในตับชนิดหายาก
ทำได้สุดยอด!! หนุ่มคว้าทุนเรียนที่นครมักกะห์ หนึ่งเดียวจากประเทศไทย
ได้ด้วยหรือ? อินเดียประกาศยกเลิก หญิงมุสลิมต้องมีมะฮ์รอมเมื่อไปทำฮัจญ์
จิ้งหรีดดำบุกมัสยิดฮะรอมนับล้านๆ ตัว (มีคลิป)
ที่มา i-newmedia