ผู้ถูกลงโทษทั้งหมดมีอายุในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย หรือประมาณ 20 ปี ในจำนวนนี้มีผู้นับถือศาสนาพุทธรวมอยู่ด้วย โดยตำรวจจับตัวเขาขณะอยู่ในห้องของโรงแรม กับหญิงที่ไม่ใช่ภรรยาของเขา
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: หนุ่มพุทธในอาเจะ รับโทษเฆี่ยน 27 ครั้ง สังเวยความรักที่ผิดชาริอะฮ์
ผู้ถูกลงโทษทั้งหมดมีอายุในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย หรือประมาณ 20 ปี ในจำนวนนี้มีผู้นับถือศาสนาพุทธรวมอยู่ด้วย โดยตำรวจจับตัวเขาขณะอยู่ในห้องของโรงแรม กับหญิงที่ไม่ใช่ภรรยาของเขา
ร้อยละ 98 ของประชาชนราว 5 ล้านคนที่อยู่อาศัยในเขตปกครองพิเศษอาเจะ บนเกาะสุมาตรา เป็นมุสลิม สำหรับผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม พวกเขาสามารถเลือกได้ ระหว่างการลงโทษเฆี่ยน หรือจำคุก
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ผู้ทำความผิด 11 คน ถูกนำตัวจากมัสยิดกลางบันดา อาเจะ มาที่จัตุรัสกลางเมือง การลงโทษโดยการเฆี่ยนด้วยหวายเริ่มขึ้น ตั้งแต่ 8 – 32 ครั้ง แล้วแต่ความหนัก-เบา ของความผิด ต่อหน้านายกเทศมนตรี อามีนุลเลาะฮ์ อุสมาน
เจ้าหน้าที่ได้ให้รายละเอียดเฉพาะกรณีของจำเลยที่ไม่ใช่มุสลิมเพียงคนเดียว ว่า จับได้ขณะเขาอยู่ในห้องที่โรงแรมกับหญิงที่ไม่ได้เป็นภรรยา โดยปกติแล้ว ผู้ที่ไม่ได้เป็นมุสลิมสามารถเลือกได้ว่า จะยอมถูกลงโทษตามชาริอะฮ์ คือ ถูกเฆี่ยน กับการยอมติดคุก ซึ่งจะมีขั้นตอนต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งชายหนุ่มผู้นี้เลือกที่จะถูกเฆี่ยน 27 ครั้งแทน
ในวันรุ่งขึ้น นายกเทศมนตรีอุสมาน ออกคำเตือนไปยังธุรกิจโรงแรมต่าง ๆ ให้ระมัดระวังในการให้ชาย-หญิงที่ไม่ได้เป็นสามี-ภรรยากันอย่างถูกต้องเช่าห้องพัก ซึ่งนอกจากจะเป็นการละเมิดชาริอะฮ์ แล้ว ทางโรงแรมยังอาจถูกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจได้
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ผู้กระทำผิด 3 คน จากเขต Lhokseumawe (เป็นหมู่บ้านในชนบทที่ห่างจากบันดา อาเจะ) ถูกเฆี่ยนคนละ 100 ครั้ง ข้อหามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ผ่านการแต่งงาน ในจำนวนนี้ เป็นชายวัย 19 ปี ที่มีความสัมพันธ์กับผู้เยาว์
- เฆี่ยนหมู่ในอาเจะ หนุ่มสาว 6 คู่ จู๋จี๋กันทั้งๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน
- มือปืนกราดยิงในมัสยิดควีเบค ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
- แหวกแนว! ชายอินโดฯเดินถอยหลัง 700 กม.ช่วยผืนป่า (ชมคลิป)
- เอาให้หนัก! อาเจะลงโทษเฆี่ยนกลุ่มนักพนันออนไลน์
- ศาลชาริอะฮ์ในตรังกานู สั่งเฆี่ยนหญิงค้าประเวณี
- เชียร์กระหึ่ม!! อาเจะห์สั่งเฆี่ยน สาวพลอดรักในที่สาธารณะ
- ยลโฉมเจ้าหญิงกังสดาล สาวไทย อดีตพระชายาสุลต่านมูฮัมหมัดที่ 5 มาเลเซีย
ที่มา: www.asianews.it