อัลกุรอานฉบับภาษาฮิบรู ตรวจทานจากโรงพิมพ์ในซาอุดิอาระเบีย มีแปลผิดกว่า 300 แห่ง
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: อัลกุรอานภาษาฮิบรู อึ้ง!แปลผิดกว่า 300 แห่ง
พบว่า อัล-ชกุรอานฉบับแปลภาษาฮิบรู ซึ่งผ่านการตรวจทานโดยทางการซาอุดิอาระเบีย มีข้อผิดพลาดกว่า 300 แห่ง ซึ่งปรากฏว่า ข้อผิดพลาดหลายแห่งนั้น สนับสนุนการเล่าเรื่องที่บิดเบือนของอิสราเอล ทั้งที่เกี่ยวกับการเรียกร้องของชาวปาเลสไตน์ และที่เกี่ยวกับมัสยิดอัลอักซอ
สำนักข่าว Shehab ของปาเลสไตน์ ค้นพบว่า จุดผิดพลาดหลายแห่งเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงมาก อาทิ การละเลยที่จะระบุนามของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) ซึ่งถูกอ้างถึงในอัลกุรอานอย่างน้อย 4 แห่ง และการเรียกชื่อของมัสยิดอัล-อักซอ ว่า The Temple หรือ วิหาร ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวยิวใช้ในการเรียกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งที่ 3 ของมุสลิม
เว็ปไซต์ของ King Fahd Complex ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่ผลิตอัลกุรอาน ปีละประมาณ 10 ล้านเล่ม ใน 74 ภาษา ได้แสดงให้เห็นถึงข้อผิดพลาดทั้งหมด โดยเว็ปไซต์ ได้ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับข้อผิดพลาดและแถลงว่า ได้มีการนำเรียนต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ และกำลังรอจะปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บริหารระดับสูงของสำนักพิมพ์ หลังจากที่มีการตรวจสอบ และศึกษาแล้ว
สำเนาคำแปลภาษาฮิบรู ยังมีให้อ่านในแบบไฟล์ PDF จนถึงเมื่อเย็นวันเสาร์ ที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา ก่อนที่สื่อ Shehab จะออกคลิปเพื่อแจ้งเตือนถึงข้อผิดพลาดทั้งหมด
ในคลิปดังกล่าว นาย อะแลดดิน อะเหม็ด นักวิจัยด้านกิจการอิสราเอล ได้ระบุคำเตือนเกี่ยวกับเรื่องการแปลผิด ซึ่งหลายแห่งมีความหมายเกี่ยวกับหลักคำสอน เช่น ชื่อมัสยิดอัล-อักซอ ในวรรคที่ 7 ของซูเราะฮ์ อัล-อิสเราะอฺ (ซูเราะฮ์ที่ 17) ซึ่งกล่าวเกี่ยวกับการเดินทางอันน่าอัศจรรย์ของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) จากมักกะฮ์ ไปยังเยรูซาเล็มในชั่วคืนเดียว ถูกกำกับในวงเล็บว่า The Temple หรือวิหาร
มีความเป็นไปได้สูงที่มุสลิมจะเห็นว่าสิ่งนี้เป็นการทำผิดที่อันตราย โดยทำให้รู้สึกว่า ข้อความอันศักดิ์สิทธิ์ของอัล-กุรอาน สนับสนุนประวัติศาสตร์ของชาวยิวว่าเป็นความถูกต้อง ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นว่า ความพยายามของชาวยิวในการทำลายมัสยิดอัล-อักซอ เพื่อสร้างวิหารขึ้นใหม่ก็ เป็นสิ่งที่ถูกต้องเช่นกัน
หลายคนอาจคิดว่า ความพยายามที่จะทำให้ข้อความในอัลกุรอาน สนับสนุนคำสอนในหลักศาสนายูดาย เป็นเพียงเรื่องบังเอิญ แต่ ณ เวลานี้ ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับอิสราเอลกำลังอยู่บนจุดแห่งการตัดสินใจ ภายใต้การบริหารของมกุฎราชกุมาร เจ้าชายบิน ซัลมาน
ท่าทีของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ดูจะแสดงให้เห็นถึงความไม่ใยดีต่อชาวปาเลสไตน์ เห็นได้จากการส่งสัญญาณที่ว่า เขาพร้อมแล้วที่จะมีความสัมพันธ์ทางการเมืองในระดับปกติกับอิสราเอล แม้มันจะหมายความถึง การต้องละทิ้งชาวปาเลสไตน์อย่างสิ้นเชิงก็ตาม
อิสราเอลถูกกล่าวหาว่า ทำการลบเลือนร่องรอยการเชื่อมต่อของศาสนาอิสลามและศาสนาคริสต์ ที่มีอยู่ในนครเยรูซาเล็ม โดยพยายามอ้างสิทธิพิเศษเหนือดินแดนที่ถูกยึดครอง โดยนอกเหนือจากการประกาศตนเป็นรัฐยิวบริสุทธิ์ และกดผู้ที่ไม่ใช่ชาวยิวให้เป็นประชาชนชั้น 2 แล้ว นักกฎหมายยิวในเทลอาวีฟยังห้ามมุสลิมอะซาน และมักจะสกัดกั้น ละเมิด ทำร้ายศรัทธาชนชาวมุสลิมในศาสนสถานอยู่เสมอ
ที่มา: www.middleeastmonitor.com
http://news.muslimthaipost.com/news/33588
- อึ้งสถิติ! มุสลิมในอังกฤษ เพิ่มแตะหลัก 3 ล้านครั้งแรก
- ซูดานประกาศห้ามสอนอัลกุรอานให้เยาวชน
- มนุษย์เกิดจากดิน นักวิทยาศาสตร์ยอมรับ ที่อัลกุรอานกล่าวไว้นับพันปี
- Jennifer Grout กับคลิปอ่านอายะฮ์กุรซีย์ สั่นสะเทือนทั้งโซเชียล!
- 'ไนกี้'งานเข้า! คลิปไวรัลมุสลิมแต่งปิดหน้า กระหน่ำบอยคอต
- ไปทำฮัจญ์ ต้องแข็งแรง ไม่ใช่ป่วยหนักแล้วตั้งใจไปตายที่มักกะฮ์
- 2 ส.ส.หญิงมุสลิมอังกฤษทำฮัจญ์ จากเวสท์มินสเตอร์สู่มักกะฮ์
- อดีตแรพเปอร์ดังฝรั่งเศส ทำฮัจญ์ครั้งที่ 2 ในปีนี้ (คลิป)