ประธานาธิบดี เรเซป ทายยิบ แอรโดกฺอาน ได้กล่าวสุนทรพจน์ในขณะนั่งเป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบประธานาธิบดี เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: ผู้นำตุรกีเกทับ โบสถ์คริสต์-ยิวมีมากกว่ามัสยิดในบางประเทศ
ประธานาธิบดี เรเซป ทายยิบ แอรโดกฺอาน ได้กล่าวสุนทรพจน์ในขณะนั่งเป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบประธานาธิบดี เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า จำนวนของโบสถ์คริส และโบสถ์ยิว (ซินนาก๊อก – synagogue) ในตุรกี มีจำนวนมากเป็น 2 เท่าของจำนวนมัสยิดในประเทศยุโรปทั้งหลาย และยังกล่าวต่อว่า เขาสัญญาจะรักษาสถานะมรดกโลกของ มัสยิดฮาเกียโซเฟีย ไว้ แม้สถานที่นี้จะเปลี่ยนเปิดให้เป็นที่ประกอบศาสนกิจอีกครั้ง
ประธานาธิบดี เรเซป ทายยิบ แอรโดกฺอาน ผู้นำตุรกี
เขายังตั้งข้อสังเกตว่า ในอดีต ฮาเกียโซเฟีย เปลี่ยนสถานะจากมัสยิดเป็นพิพิธภัณฑ์ ก็ด้วยข้อกำหนดของรัฐบาลตุรกี (ในขณะนั้น) และ “เป็นเราในขณะนี้ที่กำลังเปลี่ยน ฮาเกียโซเฟีย ให้กลับเป็นมัสยิดอีกครั้ง” เขายังย้ำว่า สถานะมรดกโลกของ ฮาเกียโซเฟีย สมควรต้องรักษาไว้ “ตามวิถีที่บรรพบุรุษของพวกเราได้ปฏิบัติมา” แม้อาคารจะเปลี่ยนสถานะเป็นมัสยิดดังที่เคยเป็นมาแต่เก่าก่อน
มัสยิดฮาเกียโซเฟีย จากพิพิธภัณฑ์เป็นมัสยิด
ประธานาธิบดีตุรกี ยังกล่าวพาดพิงถึงการที่ประเทศในยุโรปวิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจนี้ โดยชี้ให้เห็นว่า ศาสนสถานของต่างศาสนิก (ที่ไม่ใช่มุสลิม) ในตุรกี ยังมีมากกว่ามัสยิดในประเทศยุโรปหลายเท่า โดยเปรียบเทียบเป็นสัดส่วนว่า ในตุรกีมีศาสนสถานของต่างศาสนิก 1 แห่งต่อศาสนิกชน 460 คน ในขณะที่ในประเทศยุโรปมีมัสยิด 1 แห่งต่อประชากรมุสลิม 2,000 คน
ฮาเกียโซเฟีย เปรียบเป็นอนุสาวรีย์ที่มีศิลปะ และสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น ตั้งอยู่ในเขตสุลตานาเมฮ์ ของกรุงอิสตันบูล เคยทำหน้าที่เป็นมัสยิดมานาน 481 ปี ก่อนที่จะมาเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี 1934 (86 ปี) ถือเป็นหนึ่งในอนุสรณ์สถานทางสถาปัตยกรรมที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของตะวันออกกลาง
ที่มา: www.middleeastmonitor.com