มือปืนกราดยิงในมัสยิดที่เมืองไครสต์เชิร์ช ใช้เวลาช่วงสุดท้ายบนโลกภายนอก ขณะที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยหลายคน
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: มือปืนกราดยิง 51 ศพ มีโอกาสหายใจนอกคุก
สิ้นสุดการรอคอย วาระสุดท้ายที่มือปืนกราดยิง 51 ศพ จะมีโอกาสหายใจนอกคุก
มือปืนกราดยิงในมัสยิดที่เมืองไครสต์เชิร์ช ใช้เวลาช่วงสุดท้ายบนโลกภายนอก ขณะที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความปลอดภัยหลายคน พาเขาไปยังกองทัพอากาศเฮอร์คิวลิส เพื่อโดยสารเครื่องบินมุ่งหน้าไปที่คุกในเมืองอ๊อคแลนด์
เบรนตัน ทาร์แรนต์ ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่รอลงอาญา นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของนิวซีแลนด์ที่มีการกำหนดโทษนี้ ซึ่งหมายความว่า เขาจะไม่ได้เห็นแสงสว่างในเวลากลางวันอีกต่อไป ทั้งนี้ เขายอมรับว่า ทำการฆาตกรรม 51 ศพ และพยายามฆ่าคนอีก 49 คน ในไครสต์เชิร์ช เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2019
เหยื่อกราดยิง 51 ศพ ในมัสยิดที่เมืองไครสต์เชิร์ช
เบรนตัน เดินทางมาถึงไครสต์เชิร์ช เพื่อรับฟังคำพิพากษาของศาล เมื่อตอนบ่ายวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา และเดินทางกลับไปที่คุกในเมืองอ๊อคแลนด์ ที่ตั้งอยู่ที่ Paremoremo เพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดของเขา โดยเครื่องบิน RNZAF เฮอคิวลิส ออกเดินทางจากสนามบินไครสต์เชิร์ช เมื่อเวลา 20:30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) หลังจากที่ผู้พิพากษาคาเมรอน แมนเดอร์ อ่านคำตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในศาลสูงไครสต์เชิร์ช
เบรนตัน ถูกใส่กุญแจมือ สวมเสื้อเกราะกันกระสุน และหมวกกันน็อคสีดำ โดยมีตำวจติดอาวุธ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแวดล้อมแน่นหนา ตลอดเส้นทางจากศาลมายังสนามบิน มีเฮลิคอปเตอร์ ของหน่วย Police Eagle บินติดตามขบวนรถมาตลอดทางจนถึงสนามบิน
เบรนตัน ทาร์แรนต์ มือปืนกราดยิง 51 ศพ
ขณะที่มีการพิจารณาคดีในศาลทั้ง 4 วัน เบรนตันนั่งเงียบตลอดเวลา โดยมีเหยื่อที่รอดชีวิตและครอบครัวของผู้เสียชีวิตผลัดกันขึ้นมาแถลงปลดปล่อยความรู้สึกที่มีต่อมือปืนที่พรากคนที่รักไปจากครอบครัว
ในการอ่านคำพิพากษา ผู้พิพากษาแมนเดอร์ กล่าวย้ำอีกว่า เบรนตัน ปราศจากความเห็นอกเห็นใจใดๆ สำหรับเหยื่อของเขา แม้แต่จะเป็นเพียงเด็กชายวัย 3 ปี และว่า ไม่มีหลักฐานบ่งบอกว่า เบรนตัน มีความผิดปกติทางสภาวะจิตใจใด ๆ รวมทั้งไม่มีความผิดปกติทางปัญญา หรือทางบุคลิกภาพ เว้นแต่ “ความเชื่อแบบเหยียดเชื้อชาติชองเขาพัฒนา และทวีความรุนแรงขึ้น ตามอายุ”
นักจิตวิทยากล่าวว่า เบรนตัน ภาคภูมิใจ ในความเป็นชาวยุโรปผิวขาว ที่ทะนงตนว่าเหนือกว่าและยิ่งใหญ่กว่า ซึ่งอาจจะสะท้อนถึงลักษณะที่หลงตัวเอง เบรนตัน บอกกับนักจิตวิทยาในภายหลัง ว่า เขาไม่ได้ยึดถือในความภาคภูมิใจนั้นอีกต่อไป โดยคิดได้ว่า มันเป็นสิ่งจอมปลอม และในช่วงเวลาที่เขาบุกเข้ากราดยิงนั้น เขามีสภาวะจิตใจที่เป็นพิษ และรู้สึกทุกข์ทรมานมาก
เขาอ้างว่า ถูกสังคมรังเกียจ และต้องการสร้างความเสียหายต่อสังคมด้วยการแก้แค้น และยอมรับว่า เขาคิดผิดในตอนนั้น แต่กระทำไปตามความเชื่อที่หลงผิดนั้น
ผู้พิพากษากล่าวว่า คำกล่าวของเขาไม่อาจลบล้าง หรือบรรเทาความผิดที่ทำไว้ได้
ที่มา: www.nzherald.co.nz