จีน กับ สหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศแลกหมัดในการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของกันและกัน ในขณะที่สหรัฐอเมริกา เข้าร่วมกับสหราชอาณาจักร และแคนาดา ในการประท้วงการละเมิดสิทธิมนุษยชน
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: สหรัฐฯร่วมมือ EU คว่ำบาตรจีน อ้างกดขี่มุสลิมอุยกูร์
วันที่ 22 มีนาคม จีน กับ สหภาพยุโรป (EU) ได้ประกาศแลกหมัดในการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ของกันและกัน ในขณะที่สหรัฐอเมริกา เข้าร่วมกับสหราชอาณาจักร และแคนาดา ในการประท้วงการละเมิดสิทธิมนุษยชน ในภูมิภาคซินเกียงตะวันตกของจีน การประท้วงนี้แสดงชัดว่าเป็นการหนุนมาตรการของสหภาพยุโรป
โดยสหภาพยุโรป (EU) สั่งแบนการเดินทางและคว่ำบาตรด้านเศรษฐกิจ ของเจ้าหน้าที่จีน 4 คน โดยอ้างว่าเพื่อตอบโต้การที่จีนคุมขังชาวอุยกูร์มุสลิมหลายร้อยคน หนึ่งในผู้ถูกคว่ำบาตรครั้งนี้ คือ นาย Chen Mingguo ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงสาธารณะประจำซินเกียง
การคว่ำบาตรของ EU ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 1989 เป็นต้นมา โดยในครั้งนั้น EU ประกาศคว่ำบาตรจีน จากเหตุการณ์ปราบปรามผู้ประท้วงอย่างรุนแรงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ในกรุงปักกิ่ง
ในทันที จีนประกาศมาตรการตอบโต้ EU โดยสั่งคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป 10 คน และหน่วยงานอีก 4 แห่ง โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนออกมาแถลงถึงท่าทีของสหภาพยุโรป ว่า การประกาศมาตรการของ EU มีพื้นฐานมาจากการโกหกและการได้รับข้อมูลที่บอกเล่ามาอย่างไม่ถูกต้อง โดยไม่สนใจแสวงหาข้อเท็จจริง เป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างร้ายแรง รวมทั้งละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และบรรทัดฐานด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีน กับ EU อย่างรุนแรง
ในขณะเดียวกัน นาย แอนโทนี่ บลิงเค่น รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวในแถลงการณ์ว่า สหรัฐอเมริกา มุ่งมั่นที่จะแสดงบทบาทความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง ในการพยายามต่อสู้กับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่เกิดขึ้นอย่างร้ายแรงทั่วโลก ด้วยการใช้กฎหมาย Magnitsky* และมาตรการอื่น ๆ
EU สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า จะยืนหยัดเพื่อต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนของจีน
“เรายืนหยัดเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และขอเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้ที่กำลังทนทุกข์ทรมานในซินเกียง”
ทั้งนี้ กระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง สหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ประกาศเงื่อนไขทางการเงิน ซึ่งจะเปิดเผยอย่างชัดเจนถึงผู้ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และว่า สหรัฐ ฯ จะดำเนินการประสานงานกับพันธมิตรประเทศอื่น ๆ ที่มีแนวคิดเดียวกันต่อไป
รัฐมนตรีบลิงเค่น กล่าวทิ้งท้ายว่า สหรัฐอเมริกา จะยืนหยัดร่วมกับประเทศพันธมิตรทั่วโลก เพื่อเรียกร้องให้จีนยุติการก่ออาชญากรรมโดยทันที และเพื่อคืนความยุติธรรมให้กับเหยื่อชาวอุยกูร์จำนวนมาก
หมายเหตุ: *กฎหมายแม็คนิทสกี้ หรือ Magnitsky Act ตราขึ้นโดยสภาคองเกรสสหรัฐอเมริกา และลงนามโดยอดีตประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ในปี 2012 ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา กฎหมายดังกล่าวที่มีผลบังคับใช้ทั่วโลก อนุญาตให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ลงโทษผู้ที่สหรัฐอเมริกา เห็นว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยการอายัดทรัพย์สิน และห้ามเดินทางเข้าสหรัฐอเมริกา
ที่มา: www.npr.org