เหยื่อแผ่นดินไหวโมร็อกโก ทะลุ 2,500 คน เร่งค้นหาผู้รอด MUSLIMTHAIPOST

2658

ทุกวินาทีมีค่า! หน่วยกู้ภัยโมร็อกโกแข่งกับเวลาเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต หลังยอดผู้เสียชีวิตทะลุใกล้ 2,500 คน

สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์ : เหยื่อโมร็อกโก ทะลุ 2,500 คน เร่งค้นหาผู้รอด

เจ้าหน้าที่กู้ภัยเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตในซากปรักหักพังนานกว่า 48 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในโมร็อกโก ในรอบกว่า 60 ปี ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 2,500 ราย

ทีมค้นหาจากสเปน อังกฤษ และกาต้าร์ ร่วมมือกันค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ริกเตอร์ ที่เกิดขึ้นในช่วงดึกของคืนวันศุกร์ ที่ 8 กันยายน ที่ผ่านมา โดยพื้นที่ประสบเหตุอยู่ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ในเทือกเขาไฮแอตลาส ห่างจากเมืองหลวงมาร์ราเกช ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 72 กม.

ผู้รอดชีวิตหลายคนต้องนอนอยู่นอกบ้านที่ถูกทำลาย หรือไม่ปลอดภัยพอที่จะเข้าไปอาศัย เป็นเวลา 3 คืนแล้ว โดยสำนักข่าวของรัฐรายงานยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 2,497 ราย บาดเจ็บ 2,476 คน

ในหมู่บ้านอิม-กดาล (Imgdal) และหมู่บ้าน Tafeghaghte ที่อยู่ห่างจากเมืองมาราเกชไปทางใต้ราว 75 กม. ผู้หญิงและเด็ก รวมตัวกันตั้งแต่เช้าภายใต้เต๊นท์ชั่วคราวที่ตั้งอยู่ริมถนน และที่ติดอยู่กับอาคารที่เสียหาย บางคนรวมตัวกันรอบกองไฟ

เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เกิดแผ่นดินไหว อยู่ในเขตที่เข้าถึงยาก อีกทั้งถนนถูกปิดกั้นหรือกีดขวางด้วยหินที่หลุดออกมา ทำให้ยากต่อการเข้าถึงสถานที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด จึงยังไม่อาจสรุปผลของความสูญเสียทั้งหมดได้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ประมาณการจำนวนผู้สูญหาย

บนถนนใกล้เมืองอดาสซิล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางแผ่นดินไหว เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังพยายามเคลียร์หินที่กีดขวางการจราจรเพื่อเปิดทาง ในขณะที่รถตู้บรรทุกความช่วยเหลือพยายามเบียดไปตามทางแคบ ๆ ที่ยังพอไปได้

ชาวบ้านเข้ามาค้นหาทรัพย์สินจากซากปรักหักพัง ในขณะที่บางคนใช้มือเปล่าขุดค้นหาญาติที่สูญหาย โครงสร้างอาคารหลายแห่งพังทลายได้ง่าย เนื่องจากเป็นบ้านที่สร้างด้วยอิฐโคลนแบบดั้งเดิม หิน และบ้านไม้หยาบที่แพร่หลาย ซึ่งเป็นหนึ่งในลักษณะที่งดงามราวภาพวาด ที่ทำให้หุบเขาไฮแอตลาส (High Atlas) ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาหลายชั่วอายุคน

ทหารที่ถูกเกณฑ์มาช่วยกู้ภัย กล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะดึงคนที่ถูกบ้านถล่มทับออกมาโดยยังมีชีวิตอยู่ เพราะผนังและเพดานส่วนใหญ่ที่ก่อด้วยอิฐโคลน กลายเป็นเศษดินเมื่อถล่มลง และคนที่อยู่ใต้มันก็จะถูกฝังโดยไม่มีช่องให้อากาศเข้าได้

ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อมรดกทางวัฒนธรรมของโมร็อกโก ค่อย ๆ เปิดเผยขึ้น อาคารต่าง ๆ ในเมืองเก่ามาราเกช ซึ่งเป็นมรดกโลกของยูเนสโก ได้รับความเสียหาย มีรายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้สร้างความเสียหายต่อมัสยิด Tinmel ซึ่งเป็นมัสยิดที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ สร้างในศตวรรษที่ 12 ในพื้นที่ภูเขาห่างไกล ใกล้กับจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวครั้งนี้ ถือเป็นแผ่นดินไหวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประเทศแอฟริกาเหนือนับตั้งแต่ปี 1960 ในครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12,000 ราย และรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่อย่างน้อยปี 1900 ตามรายงานสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกา

โมร็อกโกตอบรับข้อเสนอให้ความช่วยเหลือจาก สเปน กาตาร์ อังกฤษ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โฆษกรัฐบาลเปิดเผยทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐ ว่า รัฐบาลได้ประเมินความต้องการความช่วยเหลือแล้ว และพิจารณาถึงความสำคัญของการประสานงานบรรเทาทุกข์ก่อนจะรับความช่วยเหลือ และอาจยอมรับข้อเสนอบรรเทาทุกข์จากประเทศอื่น ๆ หากจำเป็น

สเปนและอังกฤษได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหาและกู้ภัย พร้อมสุนัขดมกลิ่น ขณะที่กาตาร์ระบุเมื่อวันที่ 10 กันยายน ว่า ทีมค้นหาและกู้ภัยได้ออกเดินทางไปโมร็อกโกแล้ว

สหภาพยุโรประบุว่า ได้ปล่อยเงินเบื้องต้น 1 ล้านยูโร ให้กับองค์กรช่วยเหลือนอกภาครัฐ ที่อยู่ในโมร็อกโกอยู่แล้ว และได้ติดต่อกับทางการเพื่อเสนอความช่วยเหลือด้านการคุ้มครองพลเรือนของสหภาพยุโรป หากจำเป็น

ในขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสและเยอรมัน ไม่แสดงว่าเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ โดยยังไม่เสนอความช่วยเหลือในทันที

ภาพสถานที่ท่องเที่ยวก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหวในโมร็อกโก