ม็อบบังกลาเทศสงบ ศาลสูงยกเลิกโควตาจ้างงาน (ชมภาพ) MUSLIMTHAIPOST

6173

ม็อบบังกลาเทศสงบ ศาลสูงยกเลิกโควตาจ้างงาน (ชมภาพ)

สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: ม็อบบังกลาเทศสงบ ศาลสูงยกเลิกโควตาจ้างงาน (ชมภาพ)

บังกลาเทศเผชิญเหตุการณ์ที่บั่นทอนความสงบท่ามกลางเคอร์ฟิว ขณะที่ผู้ประท้วงกำหนดเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อให้รัฐบาลตอบสนองข้อเรียกร้องใหม่ของพวกเขา

หลังจากที่ศาลฎีกาออกคำตัดสิน ยกเลิกโควตางานส่วนใหญ่ ที่เป็นข้อขัดแย้งซึ่งนำไปสู่การชุมนุม เมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา กิจการโทรคมนาคมยังคงหยุดชะงักทั่วไปในวันจันทร์

ประท้วงบังคลาเทศ ทำไมลามไปถึงเผาสถานีโทรทัศน์ฯ?

การปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงที่เป็นนักศึกษา และกองกำลังรักษาความมั่นคง ได้คร่าชีวิตผู้คนไป 163 รายทั่วประเทศ หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว ที่ศาลสูงได้รื้อกฎหมายที่รัฐบาลของ นายกรัฐมนตรี ชีค ฮาซินา เพิกถอนไปในปี 2561 ที่ระบุให้ สงวนงานภาครัฐไว้ 56% สำหรับกลุ่มต่าง ๆ เช่น ครอบครัวแห่งเสรีภาพ นักสู้ สตรี และประชาชนจากพื้นที่ด้อยพัฒนา

คำสั่งศาลฏีกาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ระบุให้จัดสรรงานของรัฐ ร้อยละ 93 ตามความเหมาะสม นักศึกษาผู้ประท้วงจากมหาวิทยาลัยธักกา กล่าวว่า “เราจะประท้วงต่อไปจนกว่ารัฐบาลจะเผยแพร่คำตัดสินในราชกิจจานุเบกษา” นักศึกษายังเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้นำการประท้วงที่ถูกคุมขัง ยกเลิกเคอร์ฟิว และเปิดมหาวิทยาลัยอีกครั้งหลังจากที่สั่งปิดไปเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมา

พวกเขาให้เวลารัฐบาล 48 ชั่วโมงในการดำเนินการ แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ไม่มีรายงานความรุนรงหรือการประท้วงในวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และสื่อต่าง ๆ ระบุว่า จะมีการผ่อนคลายเคอร์ฟิวเป็นเวลา 3 ชั่วโมงในช่วงบ่าย โดยขยายเวลาจาก 2 ชั่วโมงในวันก่อน เพื่อให้ประชาชนสามารถออกมาจับจ่ายซื้อเสบียงไปตุนไว้

รถถังยังคงประจำการอยู่ในหลายพื้นที่ บนท้องถนนของกรุงธักกา ในขณะที่หน่วยรักษาความมั่นคงตระเวนตรวจตราสถานการณ์ และให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้รถถึงเส้นทางต่าง ๆ

ห้างสรรพสินค้าระบุว่า สินค้าบางชนิดหมดสต็อกอันเนื่องมาจากการติดเคอร์ฟิว การระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตมีผลกระทบต่อแผนการเดินทางท่องเที่ยว และบริการที่จำเป็นต่าง ๆ

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวโทษเหตุการณ์ไม่สงบ ว่าเกิดจากการที่งานภาคเอกชนซบเซา ในขณะที่อัตราการว่างงานของเยาวชนอยู่ในระดับสูง จึงทำให้มุ่งความสนใจไปที่งานภาครัฐ เนื่องจากมีการขึ้นค่าจ้างอย่างสม่ำเสมอ และมีสิทธิพิเศษอื่น ๆ

ชีค ฮาซินา ซึ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4 ติดต่อกัน ถูกกล่าวหาว่า มีความเป็นเผด็จการ ละเมิดสิทธิมนุษยชน จำกัดเสรีภาพในการพูด และปราบปรามผู้เห็นต่างในอดีต ซึ่งรัฐบาลของเธอปฏิเสธ