ชมภาพ พิธีฮัจญ์มาถึงจุดสูงสุด ผู้แสวงบุญรวมตัวที่ทุ่งอารอฟะห์
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: พิธีฮัจญ์มาถึงจุดสูงสุด ผู้แสวงบุญรวมตัวที่ทุ่งอารอฟะห์
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่แผดเผา ชาวมุสลิมจากทั่วโลกตามรอยของท่านศาสดา โดยมารวมตัวกันในวันที่ 15 มิถุนายน 2567 ที่เนินเขาศักดิ์สิทธิ์ในนครมักกะฮ์ เพื่อละหมาด และสำรวจตัวเองอย่างเข้มข้นตลอดทั้งวัน
พิธีกรรมบนภูเขาอารอฟะห์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “เนินเขาแห่งความเมตตา” ถือเป็นจุดสูงสุดของการแสวงบุญในพิธีฮัจญ์ พิธีนี้มักจะเป็นสิ่งที่น่าจดจำที่สุดสำหรับผู้แสวงบุญที่ยืนชิดไหล่และชนเท้าซึ่งกันและกัน เพื่อขอความเมตตาจากพระเจ้า พระพร ความเจริญรุ่งเรือง และสุขภาพที่ดี ภูเขานี้อยู่ห่างจากมักกะฮ์ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร เชื่อกันว่า ศาสดามุฮัมมัดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสุดท้าย หรือที่เรียกว่า “คำเทศนาอำลา” ณ ภูเขาแห่งนี้เมื่อ 1,435 ปีก่อน ในการเทศนาครั้งนั้น ท่านศาสดาเรียกร้องให้เกิดความเท่าเทียมกัน และความสามัคคีในหมู่ชาวมุสลิม
ฮัจญ์ เป็นหนึ่งในการรวมตัวทางศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในโลก พิธีกรรมเริ่มต้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ ที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา เมื่อผู้แสวงบุญย้ายจากมัสยิดฮะรอม ไปยังมีนา ซึ่งเป็นที่ราบทะเลทรายที่อยู่นอกเมือง
ทางการซาอุดิอาระเบีย คาดว่า จำนวนผู้แสวงบุญในปีนี้จะเกิน 2 ล้านคน ซึ่งเข้าใกล้ระดับก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การแสวงบุญเป็น 1 ใน 5 เสาหลักของศาสนาอิสลาม ชาวมุสลิมทุกคนจะต้องทำฮัจญ์อย่างน้อย 1 ครั้งในชั่วชีวิต หากพวกเขามีความพร้อมทั้งในด้านร่างกายและเศรษฐกิจ
พิธีกรรมส่วนใหญ่เป็นการรำลึกถึงเรื่องราวของศาสดาอิบรอฮีม ศาสดาอิสมาอีล ลูกชายของเขา และพระนางฮาจญัร มารดาของอิสมาอิล (หรืออับราฮัม และ อิสมาเอล ตามที่ระบุในคัมภีร์ไบเบิล)
ช่วงเวลาของปีที่จะประกอบพิธีฮัจญ์จะแตกต่างกันไป โดยกำหนดไว้เป็นเวลา 5 วัน ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนซุ้ลฮิจญะฮ์ ซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายในปฏิทินจันทรคติของอิสลาม พิธีส่วนใหญ่เกิดขึ้นกลางแจ้งโดยไม่มีร่มเงาใด ๆ เลย หากอยู่ในช่วงฤดูร้อน อุณหภูมิอาจสูงถึงกว่า 40 องศาเซลเซียส กระทรวงสาธารณสุขเตือนว่า อุณหภูมิในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อาจสูงถึง 48 องศาเซลเซียส และเรียกร้องให้ผู้แสวงบุญดื่มน้ำมากขึ้น เพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดอาการขาดน้ำ
หลังจากเสร็จพิธีที่อารอฟะห์ ในวันนี้ ผู้แสวงบุญจะเดินทางไปยังสถานที่ที่เรียกว่า มุซดาลิฟะฮ์ ที่ห่างไปไม่กี่กิโลเมตร เพื่อเก็บก้อนกรวดที่จะใช้ในการขว้างเสาหิน สัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของปีศาจในมีนา จากนั้นผู้แสวงบุญจะเดินทางกลับมายังม นาเป็นเวลา 3 วัน ซึ่งตรงกับวันหยุดเทศกาลอิดิ้ลอัฎฮา อันเป็นช่วงที่ชาวมุสลิมทั่วโลกที่มีความสามารถทางการเงิน ได้เชือดปศุสัตว์และแจกจ่ายเนื้อให้กับคนยากจน หลังจากนั้น พวกเขากลับไปยังมัสยิดฮะรอม ในมักกะฮ์ เพื่อเวียนรอบกะอฺบะฮ์ เป็นครั้งสุดท้าย ที่เรียกว่า “ฎอวาฟอำลา”
เมื่อพิธีฮัจญ์สิ้นสุดลง ผู้ชายจะต้องโกนศีรษะ และผู้หญิงจะตัดปอยผม เพื่อแสดงสัญญาณของการเป็นคนใหม่ ผู้แสวงบุญส่วนใหญ่ออกจากมักกะฮ์ ไปยังเมืองเมดินา ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 340 กิโลเมตร เพื่อไปนมาซและเยี่ยมเยียนหลุมฝังศพของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) สุสานแห่งนี้เป็นส่วนหนี่งของมัสยิดนะบะวีย์ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่สุดอันดับ 2 ในศาสนาอิสลาม รองจากมัสยิดฮะรอม และตามมาด้วยมัสยิดอัลอักซอ ในกรุงเยรูซาเล็ม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทางการซาอุดิอาระเบีย ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการปรับปรุงการเข้าถึง และหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุร้ายแรง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายหมื่นคนถูกส่งไปทั่วทั้งเมือง โดยเฉพาะบริเวณสถานที่สำคัญ เพื่อควบคุมฝูงชน และรัฐบาลได้สร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูง เพื่อขนส่งผู้แสวงบุญระหว่างสถานที่สำคัญในเมือง ซึ่งมีการจราจรติดขัดในช่วงฤดูฮัจญ์
ทางการซาอุดิอาระเบีย ยังได้ขยายและปรับปรุงมัสยิดฮะรอม ซึ่งจะเห็นมีเครนหลายเครื่องอยู่รอบ ๆ หออะซานทั้ง 7 แห่ง ขณะที่การก่อสร้างในสถานที่สำคัญแห่งนี้กำลังดำเนินการอยู่
ที่มา: www.arabnews.com
https://news.muslimthaipost.com/news/38280
- เปิดตัว 'แท็กซี่บินไร้คนขับ' รับส่งผู้แสวงบุญฮัจญ์ครั้งแรก
- ซาอุฯ ต้อนรับผู้แสวงบุญ 1,000 คน ครอบครัวผู้พลีชีพในฉนวนกาซา
- ผู้แสวงบุญไทย เดินทางสู่ทุ่งมีนา พร้อมเข้าสู่ประกอบพิธีฮัจญ์
- ซาอุฯ ลดจุดยืนต่อต้านอิสราเอล หลักสูตรใหม่ของโรงเรียน
- ฮัจญ์ปีนี้ ซาอุฯเตือน อากาศร้อนจัด
- ซาอุฯ-นอร์เวย์ เจ้าภาพประสานงานเพื่อรับรองปาเลสไตน์
- ฮัจย์ปากีสถาน 54% เดินทางถึงซาอุแล้ว!