ชาวซิซิลีที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของอิสลามเมื่อกว่า 1,000 ปีที่แล้วกินหมูแม้ว่าจะถูกห้าม แต่ก็มีสารตกค้างในหม้อหุงต้มในยุคกลางแสดงให้เห็น
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: อึ้ง!พบชาวซิซิลีเมื่อ 1,000 ปีก่อน ยังกินหมูแม้อยู่ภายใต้ปกครองอิสลาม
ชาวซิซิลีที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของอิสลามเมื่อกว่า 1,000 ปีที่แล้วกินหมูแม้ว่าจะถูกห้าม แต่ก็มีสารตกค้างในหม้อหุงต้มในยุคกลางแสดงให้เห็น
ผลการศึกษาวิจัยล่าสุดพบว่า เมื่อราว 1,120 ปีก่อน ชาวพื้นเมืองในซิซิลี ที่ถูกปกครองโดยมุสลิม ยังบริโภคเนื้อหมู แม้จะเป็นสิ่งที่ถูกห้ามตามกฎหมายอิสลาม
ทีมนักวิจัยนานาชาติได้ตรวจวิเคราะห์เศษอาหารในหม้อปรุงอาหารจากยุคกลาง (ระหว่างศตวรรษที่ 9 – 12) จำนวน 134 ใบ พบเศษอาหารประมาณ 83 ชิ้น มาจากปาแลร์โม และอีก 51 ชิ้น มาจากพื้นที่ใน กาซาเล ซาน ปิเอโดร ซึ่งตั้งอยู่บนที่ราบ นอกเมืองคาสโตรโนโว ดิ ซิซิเลีย ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองซิซิลี จังหวัดปาแลร์โม
ผู้ที่อาศัยในปาแลร์โม ซึ่งเป็นศูนย์กลางของโลกมุสลิมโบราณ กินอาหารที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมอิสลาม เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ และผักนานาชนิด ในขณะที่ผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณนอกเมืองกินเนื้อหมู ซึ่งเป็นของต้องห้าม และกินผลิตภัณฑ์ที่มาจากนม และองุ่นด้วย
จัสมิน ลันดี้ (Jasmine Lundy) จากมหาวิทยาลัยยอร์ก (University of York) และผู้ร่วมทำการวิจัย เปิดเผยว่า การวิเคราะห์สารตกค้างที่เก็บรักษาไว้ในเครื่องปั้นดินเผา ทำให้ได้ทราบข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับอาหารในซิซิลี ในยุคกลางของอิสลาม
“ภาชนะเครื่องปั้นดินเผาเหล่านี้ ถูกใช้ในการแปรรูปอาหาร โดยได้ระบุผลิตภัณฑ์หลากหลายที่ผ่านการแปรรูป เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม และจากองุ่น อีกทั้งยังมีความแตกต่างในการใช้เซรามิกส์ ในแต่ละภูมิภาคอีกด้วย”
อิสลามปกครองเกาะซิซิลี ตั้งแต่ ปี 831 – 1091 โดยมีจังหวัดปาแลร์โม เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการเมืองที่สำคัญของโลกมุสลิม แม้จะพบเศษอาหารที่เป็นเนื้อหมู แต่ไม่พบพยานหลักฐานที่เป็นเศษซากของผลิตภัณฑ์ที่มาจากทั้งน้ำทะเล และน้ำจืด ซึ่งชาวซิซิลีในปัจจุบันนิยมบริโภค อย่างไรก็ตาม การไม่มีเนื้อหมูขาย หรือไม่มีการบริโภคเนื้อหมูที่ซิซิลีในปัจจุบัน ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่
เกาะซิซิลี หรือ “เอมิเรตแห่งซิซิลี” เมื่อกว่า 1,000 ปีที่ผ่านมา เป็นศูนย์กลางทางการเมืองของโลกมุสลิม มีชื่อเสียงด้านวัฒนธรรม และเจริญรุ่งเรืองเป็นสากลมากขึ้น ในช่วงการปกครองของชาวมุสลิม ซึ่งมีการค้าและการเกษตรที่เฟื่องฟู
จังหวัดปาแลร์โม ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเกาะ กลายเป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดในยุโรป มีผู้คนหลายชาติ หลายภาษา เนื่องจากมีการค้าขายกับทั่วโลก ช่วงสุดท้ายของการปกครองโดยมุสลิม เกาะซิซิลีถูกพิชิตโดย นอร์แมน โรเจอร์ ที่ 2 ซึ่งหลังจากนั้นยังคงมีการอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว ระหว่างชนกลุ่มต่าง ๆ ทั้ง นอร์แมนส์ ยิว อาหรับมุสลิม กรีกไบเซนไทน์ และคนพื้นเมืองชาวซิซิลี แต่มุสลิมยังคงมีสถานะที่เหนือกว่ากลุ่มอื่น ในด้านการอุตสาหกรรม การค้าปลีก และการผลิต
หลังจากนั้นไม่นาน มุสลิมถูกยื่นคำขาดให้ออกไปจากเกาะ หลายคนออกไปโดยสมัครใจ หลายคนเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ และยังมีกลุ่มที่แสร้งทำเป็นเปลี่ยนศาสนา แต่ยังคงยึดมั่นในอิสลาม
ในปี 1206 ชาวมุสลิมก่อการกบฏขึ้นบนเกาะ เหตุการณ์ยืดเยื้อยาวนาน จนจบลงในปี 1223 โดยเฟเดอริค ที่ 2 ได้เนรเทศมุสลิม 60,000 คน ออกจากเกาะ
ที่มา: www.dailymail.co.uk