อเมริกันเชื้อสายอินเดีย แห่ประท้วงนายกฯโมดี


สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: อเมริกันเชื้อสายอินเดีย แห่ประท้วงนายกฯโมดี

วันที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา ชาวอเมริกัน-อินเดียหลายสิบคนรวมตัวกันที่จุตุรัสลาฟาแยตต์ หน้าทำเนียบขาว เพื่อประท้วงการเยือนสหรัฐอเมริกา ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย

อเมริกันเชื้อสายอินเดีย แห่ประท้วงนายกฯโมดี

ผู้ประท้วงถือป้ายที่เขียนว่า “ปกป้องอินเดียจากลัทธิฟาสซิสต์” เพื่อตำหนิ นายกฯ โมดี เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน กดขี่ข่มเหงชาวมุสลิมและชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ และการปราบปรามชาวมุสลิมในแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย

นับตั้งแต่ที่เขาได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของอินเดีย ในปี 2014 นายโมดีถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้พยายามแบ่งแยกประชาชนจากการนับถือศาสนาที่ต่างกัน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของประเทศ มีการออกกฎหมายหลายฉบับที่กีดกันชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะชาวมุสลิมที่มีอยู่ประมาณ 200 ล้านคน

อเมริกันเชื้อสายอินเดีย แห่ประท้วงนายกฯโมดี

นายกฯ โมดี เดินทางมาสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมประชุม Quadrilateral Security Dialogue หรือ Quad Summit ซึ่งเป็นการจัดประชุมของผู้นำ 4 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (ประธานาธิบดีโจ ไบเดน) ออสเตรเลีย (นายกรัฐมนตรี สก๊อต มอร์ริสัน) ญี่ปุ่น (นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูกะ) และอินเดีย โดยพันธมิตรทั้ง 4 มีเป้าหมายในการตรวจสอบอำนาจทางทหาร และเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของจีน ที่มีอยู่ทั่วโลก

วันที่ 24 กันยายน ประธานาธิบดีไบเดน เป็นเจ้าภาพการประชุมทวิภาคีครั้งแรกกับนายกฯ โมดี หลังจากที่เขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และ ในวันที่ 25 กันยายน นายกฯ โมดี จะกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ที่กรุงนิวยอร์ก

อเมริกันเชื้อสายอินเดีย แห่ประท้วงนายกฯโมดี

นักรณรงค์และนักศึกษามุสลิมหลายสิบคนถูกจำคุก จากการประท้วงต่อต้านกฎหมายสัญชาติของอินเดีย เมื่อปี 2019 โดยกฎหมายหมายดังกล่าวขัดขวางชาวมุสลิมอินเดียจากการได้รับสัญชาติ ซึ่งองค์การสหประชาชาติกล่าวว่า เป็น “การเลือกปฏิบัติขั้นพื้นฐาน” ต่อชนกลุ่มน้อยในอินเดีย

วิกเตอร์ เบ็กก์ ผู้นำชุมชนและนักรณรงค์ กล่าวว่า สหรัฐอเมริกา ไม่ควรอนุญาตให้นายกฯ โมดี เข้าประเทศ และไม่ควรให้การต้อนรับเขาในทำเนียบขาว เพราะสิ่งที่โมดีทำ ขัดต่อค่านิยมประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกา โดยสิ้นเชิง

อเมริกันเชื้อสายอินเดีย แห่ประท้วงนายกฯโมดี

ที่มา: www.aljazeera.com

 https://news.muslimthaipost.com/news/35699

อัพเดทล่าสุด