นักธุรกิจยิว 50 คนเยือนมัสยิดนบี อ้างเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมความเข้าใจ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: นักธุรกิจยิวเยือนมัสยิดนบี ทำได้อย่างไร?
เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผู้นำนักธุรกิจชาวยิว 50 คน ที่มีความใกล้ชิดกับประเทศอิสราเอล เดินทางมาเยือนมัสยิดอัล-นะบะวีย์ นครมาดินะฮ์ โดยอ้างว่ามาตามคำเชิญของทางการซาอุดิอาระเบีย
นาย Avi Jorish สมาชิกอาวุโสของสภานโยบายต่างประเทศอเมริกัน (American Foreign Policy Council) เขียนลงในสื่อเยรูซาเล็ม โพสต์ ว่าการเยือนครั้งนี้มีขึ้นเพื่อส่งเสริมความเข้าใจ การเปิดใจกว้าง และความเคารพซึ่งกันและกัน
อัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัล เตาบะฮ์ (Surah Al Tawbah) ระบุห้ามผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าไปยังนครมักกะฮ์และมาดินะฮ์ “ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ... แท้จริงมุชริกีนนั้นไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น อย่าให้พวกเขาเข้าใกล้มัสยิดอัลฮะรอมหลังจากปีนี้ และหากพวกเจ้ากลัวความยากจน, อัลลอฮ์ จะเพิ่มพูนให้แก่พวกเจ้าจากความโปรดปรานของพระองค์ หากพระองค์ประสงค์”
นักวิชาการส่วนใหญ่ได้ตีความฮะดิษซอเหี๊ยะฮ์ ด้วยว่า “ศาสนาทั้งสองไม่สามารถอยู่ร่วมกันในคาบสมุทรอาหรับได้” ซึ่งในความหมายนี้รวมถึงนครมาดินะฮ์ด้วย
นอกจากนี้ยังมีฮะดิษอีกจำนวนหนึ่ง ที่สนับสนุนการห้ามผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมเข้าไปยังนครศักดิ์สิทธิ์ทั้งสอง แม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันบ้างเกี่ยวกับการตีความในเรื่องนี้ก็ตาม
นาย Yet Jorish เขียนว่า อาจจะถึง 1,300 ปี ที่เฉพาะมุสลิมได้รับอนุญาตให้ไปเยือน 2 นครศักดิ์สิทธิ์ของอิสลาม แต่นี่เป็นบางส่วนที่กำลังจะเปลี่ยนไป ตามการเปลี่ยนแปลงทางสังคมส่วนใหญ่ของราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย
บนเส้นทางไปมาดินะฮ์ เจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียเพิ่งปลดป้ายที่เขียนว่า “เฉพาะมุสลิมเท่านั้น” ออกไป และเมื่อเดือนที่ผ่านมา คณะผู้แทนนักธุรกิจชั้นนำชาวยิว 50 คน เข้าเยี่ยมชมมัสยิดนบีของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ในนครมาดินะฮ์ โดยอ้างว่า เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมความเข้าใจ การเปิดใจกว้าง และการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน
คณะดังกล่าวประกอบด้วยสมาชิกจาก 13 ประเทศ และก่อนออกเดินทางมา หลายคนกังวลใจ สงสัยว่าพวกเขาจะได้รับอนุญาตให้เข้าราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียหรือไม่ หรืออาจจะถูกจำกัดการพบปะ การพูดจา หรือจำกัดความเคลื่อนไหวที่ควรเป็นไปอย่างอิสระ
นาย Jorish ยังเขียนว่า ท้ายที่สุดโอกาสในการส่งเสริมมิตรภาพ สันติภาพ และความร่วมมือก็แข็งแกร่งพอที่จะเอาชนะความสงสัยของพวกเขาได้ คณะนักธุรกิจชาวยิว และชาวซาอุดิอาระเบียได้แบ่งปันประสบการณ์ทั้งด้านครอบครัว ส่วนตัว และความร่วมมือด้านธุรกิจ มีความร่วมมือกันเหมือนเพื่อนเก่าหรือครอบครัวที่กลับมารวมกันอีกครั้ง และพวกเขายังได้รับการปกป้องตามที่ได้คาดไว้ด้วย
ทางการซาอุดิอาระเบียยังไม่ได้แสดงความเกี่ยวกับรายงานนี้ แต่มีการรับรู้กันอย่างกว่างขวางว่า ซาอุดิอาระเบียได้ให้ไฟเขียวแก่ เอมิเรตส์ บาห์เรน โมร็อกโก และซูดาน ในการปรับความสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติกับอิสราเอล สิ่งนี้ทำให้เกิดการคาดเดาว่า สุดท้ายแล้ว ซาอุดิอาระเบียก็จะปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวเช่นกัน
เดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา แรบไบไซออนิสต์จากอเมริกา อิตาลี และฝรั่งเศส ได้เข้าร่วมงานสานเสวนาระหว่างศาสนา ที่จัดโดยสันนิบาตโลกมุสลิม ที่ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย
ปีที่ผ่านมา ยังมีข้อมูลจำนวนมากรั่วออกมาว่า ประเทศมุสลิมหลายประเทศรวมทั้งซาอุดิอาระเบียซื้อสปายแวร์ซึ่งเป็นอาวุธเฝ้าระวังทางไซเบอร์ของอิสราเอล
ที่มา: www.5pillarsuk.com