ศาลฎีกาอินเดียสั่งระงับการรื้อถอนบ้านกว่า 4,000 หลัง ในเมืองฮัลด์วานี ทางตอนเหนือของรัฐอุตราขัณฑ์ ที่ถูกกล่าวหาว่า รุกล้ำที่ดินของการรถไฟ
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: ศาลอินเดียสั่งระงับรื้อบ้านกว่า 4,000 หลัง ส่วนมากเป็นมุสลิม
ศาลฎีกาอินเดียสั่งระงับการรื้อถอนบ้านกว่า 4,000 หลัง ในเมืองฮัลด์วานี ทางตอนเหนือของรัฐอุตราขัณฑ์ ที่ถูกกล่าวหาว่า รุกล้ำที่ดินของการรถไฟ
ศาลออกคำสั่งเมื่อวันที่ 5 มกราคม ที่ผ่านมา ว่าไม่สามารถกำจัดคน 50,000 คนได้ในเวลาชั่วข้ามคืน จะต้องมีการแบ่งแยกผู้คนที่ไม่มีสิทธิ์ในที่ดินออก และจำเป็นต้องชดเชยผู้ที่มีสิทธิ์ในที่อิน ในขณะที่ต้องตระหนักถึงความจำเป็นของการรถไฟ
วันที่ 20 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา ศาลสูงประจำรัฐอุตราขัณฑ์ ประกาศว่า บ้านจำนวน 4,365 หลัง ที่ปลูกอยู่ติดกับทางรถไฟในอาณานิคมบันภูลปูรา (Banbhulpura) เขตฮัลด์วานี (Haldwani) ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และด้วยเหตุนี้จึงต้องรื้อถอนไป ซึ่งศาลกำลังรอคำตอบจากการรถไฟอินเดีย และรัฐบาลอุตราขัณฑ์ และจะพิจารณาคดีต่อในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้
คำสั่งศาลฎีกาให้ระงับการรื้อถอนสร้างความโล่งใจให้แก่ประชาชนราว 50,000 คน ในเมืองฮิมาลายัน ที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงนิวเดลฮี ราว 300 กิโลเมตร ประชากรในเมืองนี้ส่วนมากเป็นมุสลิม
ตั้งแต่เช้าวันที่ 5 มกราคม ที่ผ่านมา ชาวบ้านที่อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าว รวมตัวกันใน 2 พื้นที่แยกชาย-หญิง เพื่อทำการละหมาด ขอดุอาอฺ และพวกเขากล่าวว่า รู้สึกโล่งอก และขอบคุณศาลสูงที่พิจารณาคำร้องของพวกเขา เพื่อมนุษยธรรม
รัศมี ซิงก์ ซึ่งสำนักงานของเธอเป็นผู้ร่างคำร้องเรียนในนามของชาวบ้าน กล่าวว่า นี่เป็นคำสั่งที่ดี เพราะข้อโต้แย้งของชาวบ้านมีเหตุมีผล เนื่องจากบางครอบครัวเป็นผู้ถือสัญญาเช่า และหลายครอบครัวได้รับทรัพย์สินมาอย่างยุติธรรม ผ่านการประมูลที่ดำเนินการโดยรัฐ ดังนั้น จึงไม่สามารถถอนรากถอนโคนหลายครอบครัวได้ภายในเวลาสัปดาห์เดียว
“เรื่องทั้งหมดนี้จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ และไม่สามารถออกคำสั่งเดียวแบบเหมารวมสำหรับพื้นที่ทั้งหมดได้ จำเป็นต้องแต่งตั้งผู้มีอำนาจที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งจะตัดสินใจในการเรียกร้องแต่ละครั้ง และทุกประเด็นร้องเรียนของประชาชน”
กว่า 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้หญิงที่พำนักอาศัยในพื้นที่นี้หลายร้อยคน ฝ่าความหนาวเย็นเพื่อมานั่งประท้วงต่อคำสั่งขับไล่นี้ พวกเธอหลายคนอาศัยอยู่ในละแวกนี้มานานหลายสิบปี และมีเอกสารสิทธิ์ยืนยันความเป็นเจ้าของ
ซาบา ฟาติมา ข่าน วัย 21 ปี ซึ่งเป็นครูสอนในโรงเรียนท้องถิ่น กล่าวว่า แผนการขับไล่นี้มุ่งโจมตีพื้นที่อาศัยที่มีมุสลิมตั้งบ้านเรือนอยู่จำนวนมาก อันเป็นแผนการของพรรคการเมืองขวาจัด นิยมฮินดู ที่เป็นผู้บริหารรัฐนี้
ฟาติมาเล่าว่า ครอบครัวของเธออาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ที่ยังไม่แยกประเทศเป็นอินเดีย-ปากีสถาน บิดาของเธอ อายุ 50 ปี อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิต โมฮัมมัด ซิราจ ข่าน วัย 30 ปี ซึ่งมีอาชีพทำตู้เหล็ก โชว์เอกสารสิทธิ์ของเขาที่ลงวันที่ตั้งแต่ปี 1940 เมื่อบรรพบุรุษของเขาได้มาตั้งรกรากที่นี่ “ฉันมีเอกสารตัวจริงแสดงความเป็นเจ้าของ ทำไมฉันถึงจะต้องย้ายออกไป”
นอกจากการรื้อถอนที่อยู่อาศัยแล้ว แผนที่เรียกว่าการ “ต่อต้านการบุกรุก” นี้ ยังมีผลต่อโรงเรียนเกือบ 15 แห่ง โดย 5 แห่งในจำนวนนี้เป็นโรงเรียนรัฐบาล รวมทั้งมัสยิด ร้านค้า และคลินิกสุขภาพ มีรายงานว่า โรงเรียนประถมของรัฐบาลในอาณานิคมนี้ ตั้งมาแล้วกว่า 100 ปี
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหลายคนตั้งข้อสงสัยในคำสั่งตามอำเภอใจของศาลรัฐอุตรขัณฑ์ ทนายความรัศมี กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการชดเชย เยียวยา ผู้พลัดถิ่น และว่าคำสั่งนี้ขัดแย้งกับกฎหมายว่าด้วย “การขับไล่ผู้ครอบครองสถานที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ปี 1971”
ผู้นำพรรค BJP บางคนในอุตรขัณฑ์ ได้ผลักดันทฤษฎีที่เรียกว่า “ญิฮาดที่ดิน – land Jihad” ซึ่งเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่ชาวฮินดูคิดขึ้นเพื่อกล่าวหาว่า ชาวมุสลิมครอบครองดินแดนของชาวฮินดูอย่างผิดกฎหมาย
ที่มา: www.aljazeera.com
https://news.muslimthaipost.com/news/36927
- ซาอุฯได้ผู้ตัดสินฟุตบอลหญิงนานาชาติคนแรก
- นักแสดงซีรีย์ Coronation Street ช่อง ITV กลับคืนสู่อิสลาม
- แม้ไม่มีภัยคุกคาม แต่สิงคโปร์ไม่นิ่งนอนใจต่อการชักชวน IS
- ออสเตรเลียจับกุมหญิงเข้าพื้นที่ ISIS
- เมียนมาร์ปล่อยนักโทษกว่า 7,000 คน
- ซาอุดิอาระเบีย ทางเลือกใหม่พยาบาลชาวมาเลเซีย
- จับแล้ว! ชาย 2 คนโยนหัวหมูใส่หลังคามัสยิด
- เปิดเผยมือสังหารอิมามซุนนีย์ในอิหร่าน