การกราดยิงมุสลิมอย่างเลือดเย็นในขณะกำลังละหมาดที่มัสญิดสองแห่งในเมืองไครสต์เชิร์ช
ปฏิกิริยาหลังสังหารหมู่ที่ไครสต์เชิร์ช
บทคามโดย: อ.บรรจง บินกาซัน
การกราดยิงมุสลิมอย่างเลือดเย็นในขณะกำลังละหมาดที่มัสญิดสองแห่งในเมืองไครสต์เชิร์ช นิวซีแลนด์เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมาไม่เพียงแต่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 49 คนและบาดเจ็บอีกหลายสิบคนเท่านั้น แต่ยังสร้างความสะพรึงกลัวและความสะเทือนใจไปทั่วโลกจากระบบการสื่อสารที่ฉับไว
หลังจากภาพเหตุการณ์กราดยิงถูกแพร่ออกไปได้สองวัน ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวได้รับการขอร้องหรือไม่ก็ถูกสั่งให้ลบออกไปจากสื่อออนไลน์ นับเป็นเรื่องดีที่คิดได้เช่นนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความรู้สึกไม่ดีของผู้คน
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ 911 ในวันที่ 11 กันยายน 2001 ภาพเครื่องบินถล่มตึกเวิร์ลเทรด เซนเตอร์ถูกแช่ไว้บนสื่อกระแสหลักของโลกอยู่นานนับเป็นสัปดาห์พร้อมกับวาทะกรรม “ลัทธิก่อการร้าย” ซึ่งต่อมาถูกใช้เป็นนัยถึงอิสลามและผู้นับถืออิสลามถูกมองเป็นผู้ก่อการร้าย นับตั้งแต่นั้นมา โรคอิสลาโมโฟเบียหรือโรคหวาดกลัวอิสลามก็ระบาดไปทั่วโลก
หลังการกราดยิงในไครสต์เชิร์ช ฆาตกรถูกจับได้ สื่อของโลกมุสลิมและสื่อกระแสหลักของโลกไม่มีการอ้างอิงถึงศาสนาของคนที่เป็นฆาตกร
ในอิสลามมีคำสอนของนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า “ผู้ศรัทธาในพระเจ้าเป็นพี่น้องกัน” และ “มุสลิมเป็นเปรียบเหมือนเรือนร่างเดียวกัน เมื่อส่วนหนึ่งส่วนใดเจ็บปวด ส่วนอื่นๆก็เจ็บปวดด้วย” ดังนั้น มุสลิมในส่วนต่างๆของโลกจึงแสดงการมีส่วนร่วมในความเจ็บปวดที่แตกต่างกันออกไป
ที่ประเทศตุรกี ก่อนการแข่งขันฟุตบอลนัดหลังเกิดโศกนาฏกรรมที่นิวซีแลนด์ นักฟุตบอลสองทีมที่ลงสนามแข่งขันได้ยืนไว้อาลัยและผู้ชมรอบสนามร่วมกันส่งเสียงประกาศความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าแทนการร้องเพลงเชียร์ทีมของตนเพื่อเป็นการแสดงออกถึงความรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจร่วมกับญาติของผู้สูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย
เมื่อเชค อบูฮัมซะฮ์ ชาวเยอรมันที่หันมาเข้ารับอิสลามถูกถามเรื่อง “มุสลิมก่อการร้าย” เขาตอบเป็นคำถามกลับว่า ใครเป็นผู้ก่อสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ? ใครเป็นคนทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ? ใครฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอินเดียนเเดงในทวีปอเมริกา? ใครฆ่าชาวพื้นเมืองเผ่าอะบอริจินในออสเตรเลีย? ใครฆ่าประชาชนชาวเวียดนามนับล้านคนในสงครามเวียดนาม?
หลังการกราดยิงที่นิวซีแลนด์ นายเฟรเซอร์ แอนนิ่ง วุฒิสมาชิกรัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลียได้ออกแถลงการณ์ของเขาตอนหนึ่งว่า :
- เผยโฉมหน้า! มือกราดยิงมัสยิด ติดกล้องไลฟ์สดนาทีโหด สังเวย 49 ศพ (มีคลิป)
- ยอดพุ่ง 40 ราย เหตุกราดยิงใน 2 มัสยิดเมืองไครสท์เชิร์ช
- เปิดประวัติ มือกราดยิง 2 มัสยิดนิวซีแลนด์คือใคร?
- มือกราดยิงมัสยิดนิวซีแลนด์ ปรากฏตัวต่อศาลด้วย “รอยยิ้ม”
“สาเหตุที่แท้จริงของการนองเลือดบนถนนในนิวซีแลนด์คือแผนการอพยพที่ยอมให้พวกหัวรุนแรงมุสลิมเข้ามาในนิวซีแลนด์เป็นเบื้องแรก ขอให้เรามีความชัดเจนก่อนว่า ในขณะที่มุสลิมตกเป็นเหยื่อในทุกวันนี้ โดยปรกติแล้วพวกเขาเป็นผู้กระทำความผิด มุสลิมทั่วโลกกำลังฆ่าคนในนามของความศรัทธาของพวกเขาในระดับอุตสาหกรรม”
เขากล่าวต่อไปว่า “ศาสนาทั้งหมดของอิสลามเป็นเพียงอุดมการณ์รุนแรงของเผด็จการศตวรรษที่ 6 ที่ปลอมแปลงตัวเป็นผู้นำศาสนาที่หาเหตุผลสนับสนุนการทำสงครามอย่างไม่สิ้นสุดต่อใครก็ตามที่ต่อต้านอุดมการณ์และเรียกร้องให้มีการฆ่าผู้ไม่ศรัทธาและคนที่ออกจากศาสนา
ความจริงแล้ว อิสลามไม่เหมือนกับศาสนาอื่นๆ มันเป็นเหมือนกับลัทธิฟาสซิสต์ และเพียงเพราะสาวกของความเชื่ออันเหี้ยมโหดนี้มิได้เป็นผู้สังหารในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาปลอดจากการถูกตำหนิ”
หลังจากนั้น เมื่อเขาออกมาให้สัมภาษณ์แสดงจุดยืนของเขา เด็กหนุ่มชาวออสเตรเลียวัย 17 ปีคนหนึ่งได้เอาไข่ไก่สดฟาดลงไปบนหัวของเขาเพื่อเป็นการแสดงออกว่าความคิดของเขาแม้แต่เด็กก็ไม่อาจยอมรับได้
สำหรับผม เมื่อได้รับข่าวอันเศร้าสลดนี้จากเพื่อน สิ่งที่ผมทำได้คือการวิงวอนต่อพระเจ้าว่า “ขอพระองค์ได้โปรดทำให้เลือดของผู้เสียชีวิตในครั้งนี้เป็นดั่งน้ำฝนที่รดต้นไม้แห่งอิสลามให้เติบโตและแพร่ขยายออกไปทั่วโลก”
- ชาวมุสลิมและผู้นำทั่วโลกประณามเหตุสังหารหมู่ในมัสยิดที่นิวซีแลนด์
- มือกราดยิงนิวซีแลนด์ หลุดคำ ‘Subscribe to PewDiePie’ ในไลฟ์สดก่อนก่อเหตุ
- สุดเหี้ยม! เปิดภาพนาที มือปืนเปิดฉากยิง 2 มัสยิดนิวซีแลนด์ ตายพุ่ง 50 ศพ
- ดูชัดๆ! วัยรุ่นออสซี่ 'ปาไข่' ใส่หัว ส.ว.จอมยุเกลียดมุสลิม หลังเหตุกราดยิงมัสยิดนิวซีแลนด์