ประกาศจุฬาราชมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ว่าด้วย การปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์ (ฉบับที่ ๕/๒๕๖๔)
จุฬาราชมนตรี เข้มงวดมาตรการป้องกันโควิดล่าสุด ละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์ที่มัสยิด
ประกาศจุฬาราชมนตรี เรื่อง มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ว่าด้วย การปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์ (ฉบับที่ ๕/๒๕๖๔)
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ที่กำลังแพร่ระบาดเป็นวงกว้างและมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑลและในหลายจังหวัดทั่วประเทศ โดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-19) ได้ประกาศปรับระดับพื้นที่ควบคุมเป็น ๓ ระดับ เป็นระยะเวลา ๑๔ วัน (๑ - ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔) และในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงเวลาของการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์
ดังนั้น จึงกำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว ดังต่อไปนี้
๑. สำหรับในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จำนวน ๖ จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ซลบุรี เซียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ขอให้งดการละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์ที่มัสยิด และให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดแจ้งมัสยิดได้ประกาศแจ้งสัปปุรุษในชุมชนให้ละหมาดที่บ้านภายในครอบครัว โดยใช้มาตรการเดียวกับการละหมาดที่มัสยิด
๒. สำหรับในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุด จำนวน ๔๕ จังหวัด และพื้นที่ควบคุม จำนวน ๒๖ จังหวัด ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดพิจารณาร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ของแต่ละจังหวัด โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการ ดังนี้
๒.๑ สำหรับพื้นที่ใดภายในจังหวัดที่พิจารณาร่วมกันแล้วเห็นว่าสามารถละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์ได้ ให้ปฏิบัติตามแนวทางการปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์ ดังนี้
๒.๑.๑ สำหรับมัสยิด
๒.๑.๑.๑ ให้กรรมการอิสลามประจำมัสยิด หรือหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ มาตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้ามัสยิด
๒.๑.๑.๒ ให้จัดวางเจลล้างมือแอลกอฮอล์ไว้บริเวณประตูทางเข้ามัสยิด
๒.๑.๑.๓ งดใช้บ่อน้ำ (กอเลาะห์) หรืออ่างใหญ่ร่วมกัน
๒.๑.๑.๔ ให้ทำความสะอาดพื้นมัสยิดก่อนและหลังการละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์ และไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ โดยให้เปิดหน้าต่างมัสยิด ผ้าม่านเพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก
๒.๑.๑.๕ ให้จัดทำเครื่องหมายจุดละหมาดที่สามารถระบุตำแหน่งได้โดยให้เว้นระยะห่างระหว่างแต่ละจุด ๑ - ๒ เมตร
๒.๑.๒ สำหรับผู้เข้าร่วมปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์
๒.๑.๒.๑ ให้อาบน้ำละหมาดจากที่บ้าน
๒.๑.๒.๒ ให้ใช้ผ้าปูละหมาด (ผ้าซะญาดะห์) ส่วนตัว โดยนำมาจากบ้าน
๒.๑.๒.๓ ให้ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ที่มัสยิดจัดเตรียมไว้
๒.๑.๒.๔ ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาของการปฏิบัติศาสนกิจ
๒.๑.๒.๕ งดการสลามด้วยการสัมผัสมือ การสวมกอด และการสัมผัสแก้ม โดยให้ยกมือพร้อมกล่าวสลามเท่านั้น
๒.๑.๒.๖ เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ให้งดการไปร่วมละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์ที่มัสยิด
๒.๑.๒.๗ หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก แม้จะมีอาการไม่มากให้งดการไปร่วมละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์ที่มัสยิด
๒.๑.๓ การปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์
๒.๑.๓.๑ ให้เว้นระยะห่างระหว่างแถวและในแถว ๑ - ๒ เมตร หรือตามจุดที่มัสยิดได้จัดทำเครื่องหมายระบุไว้ตามข้อ ๒.๑.๑.๕
๒.๑.๓.๒ ให้รีบปฏิบัติศาสนกิจละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์ เมื่อเข้าเวลาและให้กระชับเวลาในการละหมาดและคุตบะห์ ไม่เกิน ๓๐ นาที
๒.๒ สำหรับพื้นที่ใดที่คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดได้พิจารณาร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัด เกี่ยวกับ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ของแต่ละจังหวัดแล้วเห็นว่า เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ให้งดการละหมาดอีฏิ้ลฟิตร์ที่มัสยิด โดยให้ละหมาดที่บ้านภายในครอบครัว และให้ใช้มาตรการเดียวกับการละหมาดที่มัสยิด
๓. ให้งดการจัดเลี้ยงอาหารและหลีกเลี่ยงการจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม
เช่น การเยี่ยมญาติ และการเยี่ยมกุโบร์ (สุสาน) เป็นตัน
ประกาศ ณ วันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔
(นายอาศิส พิทักษ์คุมพล)
จุฬาราชมนตรี