รายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับโรคเกลียดกลัวอิสลามในยุโรป ระบุว่า ในปี 2022 การทำปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน บดบังและทำให้ปัญหาในประเทศ รวมทั้งปัญหาโรคเกลียดกลัวอิสลามในบางประเทศถูกมองข้าม
สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: สงครามยูเครน เปิดโปงทัศนคติเชิงลบ 'ผู้ลี้ภัยมุสลิมชาวยุโรป'
รายงานฉบับใหม่เกี่ยวกับโรคเกลียดกลัวอิสลามในยุโรป ระบุว่า ในปี 2022 การทำปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน บดบังและทำให้ปัญหาในประเทศ รวมทั้งปัญหาโรคเกลียดกลัวอิสลามในบางประเทศถูกมองข้าม สงครามในยูเครนยังเปิดโปงถึง “มุมมองอย่างมีแบบแผน” ของชาวยุโรปที่มีต่อผู้ลี้ภัย
รายงานเกี่ยวกับโรคเกลียดกลัวอิสลาม ประจำปี 2022 ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่ผ่านมา เนื่องใน “วันสากลเพื่อการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ” โดย อีเนส บัยรัคลี (Enes Bayrakli) ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยตุรเคีย - เยอรมัน และบรรณาธิการร่วมของรายงานนี้ กล่าวว่า ข้อความต่อต้านชาวมุสลิมในสื่อระดับชาติ ในกฎหมาย และนโยบาย ได้รับการกล่าวถึงในสิ่งพิมพ์ ของ 23 ประเทศ
รายงานถูกเปิดตัวในการสัมมนาผ่านเว็ป และแชร์โดยผู้เขียนรายงาน 4 คน รวมทั้ง ฟารีด ฮาเฟซ ศาสตราจารย์จาก วิลเลียม คอลเลจ ในแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา โดยในการสัมมนานี้ มีการกล่าวถึงสถานะของโรคเกลียดกลัวอิสลามในฝรั่งเศส เบลเยียม ออสเตรีย และเนเธอร์แลนด์
คอว์ตาร์ นาญิบ ผู้อภิปราย กล่าวว่า ปี 2022 เป็นปีที่ฝรั่งเศสเกิดโรคเกลียดกลัวอิสลามมากเป็นพิเศษในแวดวงการเมือง และสื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใกล้การเลือกตั้งประธานาธิบดี “โรคกลัวอิสลามมีอยู่มากในแวดวงการเมือง และยังฝังตัวอยู่ในกฎหมาย ดังนั้น แทนที่กฎหมายจะคุ้มครองชนกลุ่มน้อยทางศาสนา และชาติพันธุ์ เรากลับมีกฎหมายที่เลือกปฏิบัติหลายฉบับ”
รายงานดังกล่าวยังแสดงความชื่นชมมติของสหประชาชาติ ที่ประกาศให้วันที่ 15 มีนาคม เป็น “วันสากลเพื่อต่อสู้กับโรคเกลียดกลัวอิสลาม” รายงานที่มีความหนา 584 หน้า กล่าวถึงการเมืองว่า ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของโรคกลัวอิสลาม และกล่าวถึงผลกระทบของสงครามในยูเครน การรายงานข่าวของ FIFA World Cup ในกาตาร์ โดยสื่อยุโรป และกฎหมาย-มาตรการต่อต้านชาวมุสลิมที่พัฒนาขึ้นในประเทศต่าง ๆ เช่น ฝรั่งเศส และออสเตรีย
ตามรายงานการวิเคราะห์ ฝรั่งเศสยังคงเดินหน้าปราบปรามมุสลิม และนโยบายขัดขวางอย่างเป็นระบบของรัฐบาล นำไปสู่การควบคุมสถาบันของมุสลิม 1,727 แห่ง สถาบันถูกสั่งปิด 118 แห่ง และมีการยึดเงิน 10 ล้านยูโร ระหว่างเดือนมกราคม – สิงหาคม 2565
ในเบลเยียม รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม ได้กดดันให้อิหม่ามของมัสยิดใหญ่แห่งบรัสเซลส์ลาออก โดยขู่ว่า หากไม่ทำตาม อาจจะต้องสูญเสียเงินทุนของรัฐบาลที่จัดสรรให้สำหรับการสร้างมัสยิด
ในเดนมาร์ก มีการแนะนำว่า ควรห้ามนักเรียนชั้นประถมคลุมฮิญาบ ประเทศนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์จากคณะกรรมมาธิการยุโรปว่า มีการเลือกปฏิบัติเพิ่มขึ้น รวมทั้งการใช้คำพูดที่แสดงความเกลียดชังต่อมุสลิม
ในขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ รีชี ซูแนค ยังเพิกเฉยต่อการพยายามต่อสู้กับโรคกลัวอิสลาม และปกป้องยุทธศาสตร์ป้องกันการต่อต้านก่อการร้ายของรัฐบาล เขาให้คำมั่นว่า จะให้ความสำคัญกับการคุกคามของ “ลัทธิสุดโต่งของอิสลาม”
ข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาล ระบุว่า การเกลียดชังทางศาสนาในสหราชอาณาจักร เพิ่มขึ้น 37 % หรือคิดรวมเป็น 8,730 คดี ในจำนวนนี้ 42 % มุสลิมตกเป็นเหยื่อของการถูกทำร้าย
ในเยอรมัน ตำรวจบันทึกคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการเกลียดกลัวอิสลาม จำนวน 364 คดี องค์กร NGO เอกชนที่ทำงานต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติของมุสลิมในออสเตรีย รายงานคดีอาชญากรรมจากความเกลียดชังชาวมุสลิมกว่า 1,000 คดี ในปี 2022
ที่มา : www.aa.com.tr