'อิสราเอล' ปิดคดีผู้ตั้งถิ่นฐานแทงปาเลสไตน์เสียชีวิต


สำนักข่าวมุสลิมไทยโพสต์: 'อิสราเอล' ปิดคดีผู้ตั้งถิ่นฐานแทงปาเลสไตน์เสียชีวิต

อัยการอิสราเอล ปิดคดีที่ผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวแทงชายหนุ่มชาวปาเลสไตน์จนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ โดยอัยการแจ้งครอบครัวของผู้เสียชีวิต ว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นเหตุป้องกันตัว และผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวที่ไม่เปิดเผยชื่อ ไม่มีความผิด

กลุ่มสิทธิมนุษยชน และครอบครัวฮาร์บ เปิดเผยว่า อะลี ฮัสซัน ฮาร์บ (Ali Hassan Harb) วัย 27 ปี ถูกผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวแทงที่หน้าอกและเสียชีวิต เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา ขณะที่เขาอยู่ภายในเขตที่ดินของครอบครัวที่เขตอิสกาก้า ชานเมืองใหญ่ซาลฟิต ใกล้ที่ตั้งถิ่นฐานชาวยิวแอเรียล (Ariel) ซึ่งเป็นการตั้งถิ่นฐานที่ผิดกฎหมาย โดยอะลีและสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ ได้ออกไปตรวจตราที่ดินที่เป็นของครอบครัว หลังจากที่กลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวได้มาทำการปักหมุดด่านหน้า เพื่อยึดครองอย่างผิดกฎหมาย

Ali Hassan Harb ถูกผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวแทงที่หน้าอกและเสียชีวิต

นาอีม ฮาร์บ ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ขณะเกิดเหตุ และเป็นลุงของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ครอบครัวตั้งใจที่จะผลักดันให้เกิดความรับผิดชอบต่อไป แม้ทางการจะปิดการสอบสวนไปแล้ว โดยจะนำเรื่องไปยื่นยังศาลสูงสุด และต่อไปถึงศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ (ICC) เพื่อให้ได้รับความยุติธรรม และจะต่อสู้จนกว่าจะถึงลมหายใจสุดท้าย เพื่อให้อาชญากรและรัฐบาลยิว ได้รับการลงโทษที่สาสม

นาอีม ยังเปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุการณ์เขาอยู่ห่างหลานชายเพียง 1 เมตร และว่า การโจมตีเกิดขึ้นต่อหน้าทหารอิสราเอล “ผู้ตั้งถิ่นฐานเดินทางมายังที่ดินของพวกเรา เพื่อหวังฮุบเอาเป็นของตัวเอง พวกเราได้ออกไปบอกว่า ที่ดินนี้มีเจ้าของและขอให้พวกเขาออกไป หลังจากนั้นพวกเขากลับมาอีกพร้อมกับทหารอิสราเอลที่มาอารักขา ฆาตกรแทงอะลีที่หน้าอก ซึ่งเป็นการกระทำการอย่างอุกอาจโดยไม่เกรงกลัวอันตราย เพราะได้รับการคุ้มครองโดยทหารอิสราเอล หลังจากนั้น ทหารกันพวกเราไม่ให้เข้าไปใกล้ผู้บาดเจ็บเพื่อช่วยเหลือ อะลีต้องนอนอยู่บนพื้นถึง 20 นาที จนเขาเลือดออกจนตาย”

อ้างอิงตัวเลขของกลุ่มสิทธิ์ การถูกคุกคามและโจมตีโดยผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ชาวยิว คือความเป็นจริงที่เกิดขึ้นรายวันสำหรับชาวปาเลสไตน์ ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ และเยรูซาเล็มตะวันออก ซึ่งมีผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวอย่างน้อย 600,000 คน เข้ามาอาศัยอยู่ในนิคมที่ตั้งขึ้นอย่างผิดกฎหมายประมาณ 250 แห่ง ในพื้นที่

ที่มา: www.aljazeera.com

https://news.muslimthaipost.com/news/36558

อัพเดทล่าสุด