ผมเริ่มถือศีลอดครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี จำได้ว่าเมื่อใกล้เวลาละศีลอดตอนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ผมกับน้องๆจะมานั่งรวมกันที่โต๊ะอาหารในสภาพอิดโรยเหมือนลิงป่วย
ถือศีลอดมิใช่แค่อดข้าวอดน้ำ
โดย: อ.บรรจง บินกาซัน
ผมเริ่มถือศีลอดครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี จำได้ว่าเมื่อใกล้เวลาละศีลอดตอนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ผมกับน้องๆจะมานั่งรวมกันที่โต๊ะอาหารในสภาพอิดโรยเหมือนลิงป่วย ปากคอแห้งขม บนโต๊ะอาหารข้างหน้ามีน้ำ อินทผลัม ขนมหวาน 2-3 อย่าง และชามแก้วใบใหญ่ที่แม่ใส่ชิ้นแตงโมเนื้อทรายโรยด้วยน้ำแข็งฝอยและราดด้วยน้ำหวานสีแดงยั่วความอยาก แต่เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาเราจึงได้แต่นั่งรอ
เมื่อถึงเวลาเราเริ่มละศีลอดด้วยการกินอินทผลัมและน้ำเปล่าก่อน หลังจากนั้นจึงหันไปจัดการกับแตงโมแช่น้ำหวาน มันช่างมีความสุขเหลือเกินเมื่อแตงโมที่หวานเย็นฉ่ำผ่านปากและคอที่แห้งขมมาตั้งแต่บ่าย ผมกะจะซัดมันให้สมกับที่รอคอย แต่พ่อยั้งไว้ให้กินแค่ชิ้นหรือสองชิ้นแล้วไปละหมาดก่อน เสร็จแล้วจึงค่อยกลับมากิน
พ่อบอกว่านี่คือวิธีการละศีลอดที่นบีมุฮัมมัดแนะนำเมื่อท่านสั่งมุสลิมให้ถือศีลอด เพราะถ้าหากดื่มน้ำโดยเฉพาะน้ำเย็นและกินอาหารหนักในขณะที่กระเพาะว่างมาทั้งวัน อาจเกิดอาการจุกเสียดและกินอะไรไม่มีความสุข สมัยท่านนบีมุฮัมมัดมีชีวิต ท่านละศีลอดด้วยการกินอินทผลัม 1-2 ผล กับนมหรือไม่ก็น้ำแค่นั้นและไปละหมาด เสร็จแล้วจึงค่อยกลับมากินมื้อค่ำและท่านกินไม่มาก
เมื่อโตขึ้นผมได้พบคำสอนของนบีมุฮัมมัดกล่าวว่า “ผู้ถือศีลอดจะมีความสุข 2 เวลา นั่นคือเวลาที่ละศีลอดและเวลาที่เขาพบพระเจ้า”
ความสุขเมื่อเวลาละศีลอดผมรู้สึกได้แล้ว และผมเชื่อว่าคนที่ถือศีลอดคงรู้สึกเช่นเดียวกัน แต่ความสุขในเวลาที่จะได้พบพระเจ้านี่สิ มันต้องอดอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างกว่าจะได้มา
การถือศีลอดจึงไม่ใช่แค่เพียงการงดเว้นจากการกินและการดื่มเท่านั้น แต่การอดข้าวอดน้ำเป็นวิธีการฝึกควบคุมวิญญาณมิให้เป็นนายชั่วที่คอยบงการอวัยวะบนร่างกายมนุษย์ให้ทำความชั่วตามอารมณ์ปรารถนา
นบีมุฮัมมัดกล่าวว่า ระหว่างการถือศีลอด ผู้ถือศีลอดต้องอดกลั้นอารมณ์ฝ่ายต่ำด้วย หากใครถูกยั่วยุให้โมโหหรือชวนทะเลาะ ท่านแนะนำให้เตือนตัวเองว่า “ฉันถือศีลอด ฉันถือศีลอด”
ในอีกคำสอนหนึ่งท่านกล่าวว่า ใครอดข้าวอดน้ำแล้วยังซุบซิบนินทาว่าร้ายคนอื่น การถือศีลอดของคนผู้นั้นไม่แตกต่างอะไรไปจากการหิวเปล่า เพราะไม่สามารถควบคุมลิ้นมิให้ทำตามอารมณ์ได้
คนที่ถือศีลอดจะรู้สึกได้ว่าการอดข้าวอดน้ำตลอดทั้งวันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงานหรือทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน แต่การนอนน้อยในช่วงเดือนแห่งการถือศีลอดต่างหากที่มีผลต่อการสยบความคึกคะนองของตัวตน
การถือศีลอดแบบอิสลามกำหนดให้ผู้ถือศีลอดต้องลุกขึ้นมากินอาหารก่อนแสงแรกของดวงอาทิตย์ปรากฏบนท้องฟ้า ซึ่งในประเทศไทยคือเวลาประมาณตีสี่ครึ่ง ในตอนกลางคืนหลังละศีลอดแล้วยังมีการละหมาดเพิ่มเติมจนถึงเวลา 3 ทุ่มอย่างเร็วที่สุด เวลานอนในเดือนรอมฎอนจึงเหลือน้อยลง การอดอาหารอดน้ำทั้งวันประกอบกับมีเวลานอนน้อยจึงทำให้ตัวตนที่พยศและคิดที่จะทำอะไรตามอารมณ์จึงถูกกำราบลงโดยปริยาย
นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมนบีมุฮัมมัดจึงแนะนำชายหนุ่มที่ยังไม่มีความสามารถแต่งงาน แต่มีอารมณ์อยากแต่งงาน ให้ถือศีลอดเมื่อเกิดความรู้สึกอยากแต่งงาน เพราะการถือศีลอดจะช่วยลดอารมณ์ปรารถนาทางนี้ได้
ส่วนใครที่ถือศีลอดแล้วยังมีความสัมพันธ์ทางเพศกับภรรยาในเวลากลางวันถือว่าเป็นความผิดฐานละเมิดกฎของเดือนรอมฎอน เป็นบาปที่ต้องมีการชดใช้โดยการถือศีลอดทุกวันต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 เดือน เพราะขนาดให้อดข้าวอดน้ำแถมอดนอนแล้วยังไม่สามารถอดความต้องการทางกามารมณ์ได้ หากหยุดถือศีลอดวันหนึ่งวันใดต้องเริ่มนับใหม่ หรือไม่ก็ต้องปล่อยทาส 1 คนให้เป็นอิสระ หรือเลี้ยงอาหารคนยากจน 1 คนเป็นเวลา 60 วัน
ดังนั้น เพื่อมิให้สิ่งเย้ายวนต่างๆรอบกายผ่านหูผ่านตาเข้าไปกระตุ้นอารมณ์หรือความรู้สึก ผู้ถือศีลอดจะหลีกเลี่ยงจากการดูหนังฟังเพลงและการพูดจาไร้สาระ หันมาฟังเสียงอ่านหรือไม่ก็อ่านคัมภีร์กุรอานที่ได้ประโยชน์ต่อชีวิตทั้งในโลกนี้และโลกหน้า