
นโยบาย LGBTQ+ ของปธนทรัมป์ กับการสมรสเท่าเทียมของไทย
นโยบาย LGBTQ+ ของปธน.ทรัมป์ กับการสมรสเท่าเทียมของไทย
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศได้รับความสนใจในระดับโลก โดยเฉพาะในเรื่องสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายของประเทศต่าง ๆ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น นโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งจำกัดสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ ในสหรัฐอเมริกา และความพยายามของประเทศไทยในการผลักดันร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม ซึ่งสะท้อนถึงทัศนคติและแนวทางที่แตกต่างกันในระดับรัฐและสังคม
เหตุผลเบื้องหลังและนโยบาย LGBTQ+ ของประธานาธิบดีทรัมป์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีจุดยืนที่ชัดเจนในการลดบทบาทและสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ โดยเฉพาะในสมัยที่สองของการดำรงตำแหน่งในปี 2025 เขาได้ลงนามคำสั่งบริหารที่กำหนดให้รัฐบาลกลางยอมรับเพียงสองเพศ คือ "ชาย" และ "หญิง" และยกเลิกการใช้ตัวเลือกเพศ "X" ในเอกสารราชการ เช่น หนังสือเดินทางและบัตรประชาชน
ทรัมป์ยังยุติโครงการที่ส่งเสริมความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมกลุ่ม (DEI) ในหน่วยงานรัฐบาลและขยายไปยังภาคเอกชน โดยอ้างว่าโครงการเหล่านี้ ลดทอนคุณค่าของความสามารถส่วนบุคคล การดำเนินนโยบายดังกล่าวสร้างความกังวลในชุมชน LGBTQ+ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสิทธิการแต่งงานเพศเดียวกัน ซึ่งแม้จะได้รับการรับรองตามกฎหมายตั้งแต่ปี 2015 แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกทบทวนใหม่จากศาลสูงที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยม
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
พรบ.สมรสเท่าเทียมของไทย: สาระสำคัญ
ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในเรื่องสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ โดยเฉพาะการเสนอร่างพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม ซึ่งมีเป้าหมายให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรสได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เช่นเดียวกับคู่รักชายหญิง ร่างกฎหมายนี้ ยังครอบคลุมถึงสิทธิในการรับบุตรบุญธรรม การจัดการทรัพย์สินร่วมกัน และสิทธิทางกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขณะนี้ ได้ผ่านกฎหมายนี้อย่างเป็นทางการแล้ว กระแสสนับสนุนจากประชาชนและองค์กรภาคประชาสังคมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคที่ประเทศไทยเปิดกว้างต่อความหลากหลายทางเพศมากขึ้น
ความแตกต่างของนโยบายเกี่ยวกับ LGBTQ+ ระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทย
แนวทางนโยบาย: สหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะลดทอนสิทธิของ LGBTQ+ ผ่านการจำกัดอัตลักษณ์ทางเพศ ขณะที่ไทยมีการผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม
สถานะทางกฎหมาย: การแต่งงานเพศเดียวกันได้รับการรับรองในสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2015 แต่มีความเสี่ยงที่จะถูกทบทวนใหม่ ในขณะที่ไทยยังอยู่ระหว่างกระบวนการเสนอร่างกฎหมาย
ทัศนคติทางสังคม: สหรัฐฯ มีความขัดแย้งทางสังคมสูงเกี่ยวกับสิทธิ LGBTQ+ เนื่องจากแนวคิดอนุรักษ์นิยม ขณะที่ไทยมีแนวโน้มเปิดกว้างมากขึ้น แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านจารีตบางประการก็ตาม
สรุปได้ว่า นโยบายเกี่ยวกับ LGBTQ+ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และกระบวนการผลักดันสมรสเท่าเทียมในไทย สะท้อนถึงแนวคิดและบริบททางสังคมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน สหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มอนุรักษ์นิยมที่จำกัดสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ ขณะที่ประเทศไทยเดินหน้าไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่เปิดกว้าง และยอมรับความหลากหลายมากขึ้น ความแตกต่างนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงวิธีคิดเชิงนโยบาย แต่ยังชี้ให้เห็นถึงทิศทางของแต่ละประเทศในการจัดการกับประเด็นสิทธิมนุษยชนในยุคปัจจุบัน
ที่มา: ผศ.ดร.วิศรุต เลาะวิถี