ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักจุฬาราชมนตรี ระบุ กัญชาหากนำมาเพื่อการรักษาโรค ถือว่า ฮาลาลสามารถใช้ได้ แต่ถ้าใช้สูบ ถือว่า เป็นยาเสพติดเป็นสิ่งต้องห้าม
กัญชา ฮาลาลหรือไม่? ฟังเฉลย อ.อาลี เสือสมิง
ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักจุฬาราชมนตรี ระบุ กัญชาหากนำมาเพื่อการรักษาโรค ถือว่า ฮาลาลสามารถใช้ได้ แต่ถ้าใช้สูบ ถือว่า เป็นยาเสพติดเป็นสิ่งต้องห้าม
อ.อาลี เสือสมิง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักจุฬาราชมนตรี กล่าวถึง กรณีที่มีการผลักดันกัญชามาใช้ในทางการแพทย์ว่า กัญชาถ้านำมาสูบ ถือเป็นยาเสพติดไม่สามารถได้ แต่ถ้าเป็นน้ำมันสกัดเพื่อนำมารักษาโรค แบบนี้ถือว่า เป็นสมุนไพร ก็สามารถใช้ได้ หรือหากปลูกไว้ขายก็สามารถทำได้ แต่กรณีนี้จะต้องให้คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักจุฬาราชมนตรี เป็นผู้วินิจฉัยเพื่อจุฬาราชมนตรีฟัตวาว่า กัญชาในทางการแพทย์ฮาลาลหรือไม่
"ตอนนี้ยังไม่มีใครยื่นเรื่องมาขอให้วินิจฉัย แต่เดี๋ยวก็คงมีผู้ยื่นเรื่องเข้ามา ซึ่งคณะกรรมการฯจะได้นำช้อมูลมาเป็นข้อวินัจฉัยอีกครั้ง" อ.อาลี กล่าว
บทลงโทษ ยาเสพติดใน อิสลาม
ผู้ที่ดื่มสุรานั้นจะถูกสาปแช่ง ดังมีรายงานจากอิบนุ อุมัร เล่าว่า ท่านนบี กล่าวว่า
ความว่า: "อัลลอฮฺทรงสาปแช่งสุรา รวมถึงผู้ดื่ม ผู้ริน ผู้ขาย ผู้ซื้อ ผู้หมัก ผู้ขอให้ผู้อื่นหมักให้ และผู้ที่ขอให้ผู้อื่นนำสุราไปให้" (บันทึกโดย อบูดาวูด หมายเลขหะดีษ 3674)
อัล-ค็อมรฺ หรือ สุรา นั้นถือเป็นตัวการสำคัญของความชั่วร้ายทั้งปวง เป็นกุญแจสู่ความเสียหายและความเสื่อมเสียทั้งนี้ อัล-ค็อมรฺ ยังมีความหมายรวมไปถึงสิ่งเสพติดทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น กัญชา โคเคน ฝิ่น เฮโรอีน หรือยาเม็ดต่างๆ ที่ทำลายหนุ่มสาวมุสลิมในปัจจุบันนี้ โดยศัตรูได้ใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือบั่นทอนกำลังของมุสลิม เพื่อให้พวกเขาห่างไกลจากศาสนา ทั้งนี้แม้กระทั่งในสังคมที่ไม่ใช่มุสลิมยาเสพติดเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องห้าม และหากใช้อย่างต่อเนื่องก็อาจะทำให้เสียสติได้ดังที่มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย
ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมิยะฮฺ กล่าวว่า
“กัญชาเป็นสิ่งต้องห้าม โดยมีบทลงโทษเช่นเดียวกับบทลงโทษของผู้ที่ดื่มเหล้า เป็นสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าเหล้าในแง่ที่มันทำลายระบบสมองและอารมณ์ความรู้สึก จนทำให้มีอาการเฉื่อยชา สูญเสียความละอาย และก่อความเสียหายอื่นๆ อีกมากมาย”
ท่านกล่าวในบทอื่นอีกว่า
"กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกสาปแช่ง ผู้ที่เสพและผู้ที่ทำให้มันเป็นสิ่งที่อนุญาตจะต้องเผชิญกับความโกรธกริ้วจากอัลลอฮฺ เราะสูล และบรรดาบ่าวผู้ศรัทธา ทั้งยังนำไปสู่การลงโทษของอัลลอฮฺ มันสร้างความเสียหายต่อศาสนา สติปัญญามารยาท และอุปนิสัยพื้นฐานของผู้เสพ ทำลายความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจนหลายคนกลายเป็นคนบ้าเสียสติ กัญชายังทำให้ผู้เสพตกอยู่ในสภาพที่ตกต่ำไร้เกียรติ ตลอดจนผลเสียอื่นๆ ซึ่งถือว่าร้ายแรงยิ่งกว่าเหล้าเสียด้วยซ้ำ เพราะผลเสียจากกัญชานั้นมีมากกว่าผลเสียจากเหล้า จึงสมควรที่จะเข้าข่ายสิ่งต้องห้าม (หะรอม) อย่างไม่ต้องสงสัย บรรดามุสลิมเห็นพ้องต้องกันว่าสิ่งมึนเมานั้นเป็นสิ่งต้องห้าม
และผู้ใดที่อนุมัติสิ่งดังกล่าว และกล่าวอ้างว่ามันเป็นที่อนุมัติ จำเป็นจะต้องขอให้เขากลับเนื้อกลับตัว ถ้าเขากลับตัวก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ก็จะต้องถูกประหารชีวิตในโทษฐานที่ออกนอกศาสนา ทั้งนี้ไม่ต้องละหมาดให้แก่เขา ไม่ฝังในสุสานที่ฝังศพของมุสลิม นอกจากนี้ยังเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ว่าเหล้าแม้ปริมาณเล็กน้อยก็ถือเป็นสิ่งที่ต้องห้ามเช่นเดียวกัน ดังปรากฏหลักฐานจากตัวบทต่างๆ ที่ชี้ชัดถึงการห้ามสุรา และทุกๆ สิ่งที่ทำให้มึนเมา” (หนังสืออัล-ฟะตาวา เล่ม 34 หน้า 213 โดยย่อ)
นักกวีท่านหนึ่งกล่าวว่า:
“ จงบอกแด่ผู้เสพกัญชาอย่างโง่เขลา ท่านใช้ชีวิตมัวเมาเสพมันและโสมม ค่าของคนนั้นดั่งพลอยแต่ทำไมถึงขายไปด้วยเศษหญ้า โอ้สหายเอ๋ย !”
ส่วนโทษภัย โศกนาฏกรรม และเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นเพราะสิ่งเสพติดและสิ่งมึนเมานั้นก็เป็นที่ทราบกันดีแล้ว อีกทั้งท่านนบี ยังห้ามการรักษาด้วยสุราและสิ่งที่เสพติดสิ่งมึนเมาทั้งหลาย เพราะอัลลอฮฺไม่ทรงทำให้สิ่งที่รักษาเรามาจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามแก่เรา
มีรายงานจากฏอริก บิน สุวัยดฺ ว่าเขาได้ถามท่านนบี เกี่ยวกับสุรา แล้วท่านห้ามเขาหรือไม่ชอบที่จะให้เขาผลิตมัน เขาจึงกล่าวว่า “แต่ฉันผลิตมันเพื่อการรักษา”
ท่านนบี กล่าวตอบว่า ความว่า: “มันไม่ใช่สิ่งรักษาโรคแต่มันเป็นโรคต่างหาก” (บันทึกโดย มุสลิม หมายเลขหะดีษ 1984) อ่านเพิ่มเติม: อิสลามกับยาเสพติด
ที่มา: www.mtoday.co.th / www.islammore.com