ศพของเธอถูกฝังอย่างเรียบง่ายบนภูเขาของสกอตแลนด์ ความปราถนาครั้งสุดท้ายของผู้หญิงคนนี้คือ การถูกฝังตามหลักวิธีทางศาสนาอิสลาม เรื่องราวของเธอถือได้ว่า
หญิงมุสลิมอังกฤษคนแรกที่ไปประกอบพิธีฮัจย์ : เซย์เนป คับโบลด์
นรวดี เยอล์มาซ/แปลเรียบเรียง
ทีมงานกลุ่มประชาชาติแห่งอิสลาม
ศพของเธอถูกฝังอย่างเรียบง่ายบนภูเขาของสกอตแลนด์ ความปราถนาครั้งสุดท้ายของผู้หญิงคนนี้คือ การถูกฝังตามหลักวิธีทางศาสนาอิสลาม เรื่องราวของเธอถือได้ว่า เป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการหันมานับถือศาสนาอิสลาม
เอเวลีน คับโบลด์ เกิดที่เอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ในปี 1867 และต่อมาได้หันมานับถือศาสนาอิสลาม ในสมัยนั้นที่ คับโบลด์ เป็นมุสลิม ศาสนาอิสลามไม่ใช่ศาสนาที่มีทั่วไปในอังกฤษ สิ่งที่ผิดแปลกไปสำหรับเธอที่หันไปนับถือศานาอิสลามคือ เธอเป็นคนชนชั้นสูง ให้ลองนึกถึงเสียงสะท้อนกลับที่หญิงสูงศักดิ์คนนี้ได้กลายเป็นมุสลิมในอังกฤษ
คับโบลด์ ใช้เวลาส่วนใหญ่ในวัยเด็กของเธอในแอฟริกาเหนือ ซึ่งล้อมรอบด้วยคนรับใช้จากแอลจีเรียและไคโร ดื่มด่ำกับวิถีชิวิตของชาวมุสลิมและขนบธรรมเนียมของชาวมุสลิม เธอใช้เวลากับเด็กๆ ที่นั่นและเที่ยวชมมัสยิดกับพวกเขา เธอได้รับการเลี้ยงดูโดยพี่เลี้ยงชาวมุสลิมและได้เรียนรู้ภาษาอาหรับได้เป็นอย่างดี คับโบลด์ ได้บรรยายความรู้สึกของเธอในฐานะมุสลิมในวัยเด็กไว้ว่า
“ความสุขของฉันคือการหลบหนีจากการปกครอง และไปเยี่ยมชมมัสยิดกับเพื่อนๆ ชาวอัลจีเรีย และฉันไม่รู้ตัวว่าหัวใจของฉันได้กลายเป็นมุสลิมไปทีละนิด”
ในปี 1891 คับโบลด์ ได้แต่งงานกับขุนนางอังกฤษที่พบในกรุงไคโร มีบุตรด้วยกัน 3 คน หลังจากการแต่งงาน 31 ปี เขาทั้งคู่ก็ได้หย่าร้างกัน
หลายปีผ่านไป คับโบลด์ อยู่ที่โรม “เจ้าของบ้านเช่าถามฉันว่า ฉันต้องการพบสมเด็จพระสันตะปาปาหรือไม่ เมื่อฉันได้ยินเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ ฉันตื่นเต้น เมื่อฉันได้พบกับสมเด็จพระสันตะปาปา เขาได้ถามฉันว่า ฉันเป็นคาทอลิกหรือไม่ ตอนนั้นฉันสับสนและตกตะลึกสักครู่ แล้วฉันตอบเขาไปว่า ฉันเป็นมุสลิม ฉันไม่รู้ว่าอะไรผลักดันให้ฉันพูดว่าฉันเป็นมุสลิม ฉันไม่ได้นึกถึงอิสลามมาหลายปีแล้ว ในเวลานั้นฉันได้คิดและตัดสินใจว่า ฉันจะต้องอ่านและศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเชื่อของฉัน”
คับโบลด์ มีเพื่อนคนหนึ่งที่คล้ายตัวเธอคือเปลี่ยนกลายมานับถือศาสนาอิสลาม คือ Marmaduke Pickthall (ผู้แปลอัลกุรอานเป็นภาษาอังกฤษ ในปี 1915 ) มิตรภาพของ คับโบลด์ กับเพื่อนชาวมุสลิมมีอิทธิพลอย่างมากต่อศาสนาอิสาม หลังจากเข้ารับศาสนาอิสลามแล้ว คับโบลด์ ได้เปลี่ยนชื่อของเธอเป็น เซย์เน็ป และถูกเรียกว่า เลดี้เซย์เน็ป
เซย์เน็ป เริ่มคิดที่จะไปทำฮัจย์อย่างจริงจังในปี 1922 หลังจากแยกกันกับสามี
มันเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับผู้หญิงชาวตะวันตกที่จะไปทำการแสวงบุญโดยไม่มีเพื่อนร่วมไปด้วยในเวลานั้น อย่างไรก็ตามเซย์เน็ป ตัดสินใจเดินทางไปแสวงบุญ โดยได้ส่งคำขออนุญาตไปยัง ฮาฟิซ วาห์บา เอกอัครราชฑูตซาอุดิอาระเบียประจำกรุงลอนดอน โดยความช่วยเหลือของเพื่อนเซย์เน็ปที่ชื่อ แฮร์รี่ เซนต์ จอห์น ฟิลบี้ ซึ่งต่อมาได้หันเข้ามานับถือศาสนาอิสลามและเปลียนชื่อเป็น อับดุลลาห์ ฟิลบี้ อย่างไรก็ตามเซย์เน็ปจะต้องได้รับอนุญาตพิเศษจากกษัตริย์อับดุลอาซิซแห่งซาอุดิอาระเบียเพื่อเดินทางไปมักกะห์โดยลำพัง
ในปี 1933 ขณะที่เธอมีอายุ 65 ปี เธอได้กลายเป็นหญิงตะวันตกคนแรกที่เดินทางไปทำฮัจย์ เธอได้เขียนหนังสือเล่าถึงประสบการณ์ของเธอในการไปทำฮัจย์ว่า “การแสวงบุญไปยังนครมักกะห์”
ในปี 1963 ซึ่งเป็นเวลา 30 ปีหลังจากไปทำฮัจย์ เซย์เน็ปได้เสียชีวิตลงขณะมีอายุ 95 ปี ศพของเซย์เน็ป ถูกฟังไว้ทางตอนเหนือของสกอตแลนด์ ในอินเวอร์เนส ซึ่งเป็นสถานที่ห่างไกลและสวยงามยิ่งนัก พิธีฝั่งศพจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ความปราถนาสุดท้ายของเซย์เน็ปคือ การฝังศพตามหลักศาสนาของอิสลาม บนหลุมฝังศพของเธอนั้น ได้มีข้อความเขียนไว้ว่า “อัลลอฮ์นั้นเปรียบดังแสงสว่างแห่งสวรรค์และบนโลกมนุษย์”
ผู้คนได้เดินทางมาเพื่อไปเยี่ยมหลุมศพของเธอเพื่อแสดงความเคารพ อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะหลุมศพตั้งอยู่ภายในขอบเขตของทรัพย์สินส่วนตัว
- ภาพอื้อฉาวฝีมือ 'ดาวินชี' ติดบนเรือซุปเปอร์ยอชท์ส่วนตัวเจ้าชายซาอุฯ
- เจ้าชายซาอุฯ ส่งสารแสดงความยินดีกองทัพรักษาดินแดนใต้
- เช็คข่าว! ถล่มซาอุฯ ดูจันทร์ผิด ชดเชยเงิน 1.3 แสนล้านบาท
- ซาอุฯ ประหารนักวิชาการศาสนา ข้อหาก่อการร้าย
- ปิดภาพหยาดฝนที่ดินแดนฮารอม ครั้งแรกในเดือนรอมฎอน
- ซาอุ ยิงสกัดขีปนาวุธ ชีอะห์ฮูธีย์ หมายถล่มนครมักกะห์
- ป๊อกบา นักเตะแมนยูฯ เดินทางไปทำอุมเราะห์ ที่นครมักกะห์
ที่มา: www.gzt.com/mecra