คัมภีร์กุรอานเล่าว่าเมื่อพระเจ้าสร้างอาดัมขึ้นมาและต้องการส่งอาดัมมายังโลกนี้เพื่อเป็นผู้สืบช่วงปกครองแผ่นดิน พระองค์จึงได้สอน
โลกนี้คือที่ทดสอบ
บทความโดย: อ.บรรจง บินกาซัน
คัมภีร์กุรอานเล่าว่าเมื่อพระเจ้าสร้างอาดัมขึ้นมาและต้องการส่งอาดัมมายังโลกนี้เพื่อเป็นผู้สืบช่วงปกครองแผ่นดิน พระองค์จึงได้สอน “นามต่างๆ” ให้แก่อาดัมในขณะที่สิ่งอื่นๆในอาณาจักรของพระองค์ไม่ได้รับการสอนเหมือนอาดัม
นักวิชาการอิสลามกล่าวว่า “นามต่างๆ” ที่พระเจ้าสอนอาดัมหมายถึงความรู้ที่สำคัญสองอย่าง นั่นคือความรู้เรื่องนามของพระเจ้าและความรู้เรื่องนามของสิ่งต่างๆที่มนุษย์เห็นและค้นพบ
ความรู้เป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์ไม่เพียงแตกต่างไปจากสัตว์เท่านั้น แต่ยังทำให้มนุษย์มีอำนาจจนสามารถควบคุมสัตว์และนำสรรพสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ในโลกนี้มาใช้ประโยชน์ในการสร้างอารยธรรมและความเจริญ
นอกจากนี้แล้ว พระเจ้ายังบอกมนุษย์ผู้เป็นลูกหลานของอาดัมด้วยว่าเขาถูกสร้างมาจากดิน เขาจะกลับสู่ดินในที่สุดและจากดินนี้เองที่พระเจ้าจะให้เขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาในวันโลกาอวสานเพื่อรับผิดชอบในสิ่งที่เขาได้ทำไว้ในโลกขณะที่มีชีวิต โลกนี้เป็นที่พักอาศัยชั่วคราวเท่านั้น และในระหว่างที่เขาอาศัยอยู่ในโลกนี้ เขาจะถูกทดสอบว่าเขาจะศรัทธาในพระเจ้าและวันฟื้นคืนชีพที่เขาจะกลับไปพระองค์หรือไม่ ถ้าเขามีความเชื่อในเรื่องนี้ เขาจะเกรงกลัวพระเจ้า ไม่กล้าทำบาปและนี่คือสิ่งที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จในโลกหน้า นั่นคือการได้รับความสุขในสวนสวรรค์เป็นรางวัลตอบแทน
การทดสอบในเรื่องความศรัทธาดังกล่าวจะเริ่มต้นเมื่อมนุษย์บรรลุวุฒิภาวะพอที่จะรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว ดังนั้น ก่อนถึงวัยนี้ มนุษย์จึงไม่ต้องถูกทดสอบเรื่องความเชื่อในสิ่งที่เขามองไม่เห็น แต่สิ่งที่เด็กทุกเพศทุกวัยต้องสอบคือความรู้ทางโลกที่จับต้องมองเห็นได้เพื่อจะได้เติบโตขึ้นมามีส่วนในการสร้างอารยธรรมความเจริญ
แม้จะเป็นการสอบในเรื่องความรู้ที่จับต้องมองเห็นได้ แต่การสอบทุกครั้ง ข้อสอบต้องถูกปิดไว้มิให้นักเรียนรู้ล่วงหน้า เพื่อที่จะวัดดูว่าใครมีความรู้จริง ถ้าข้อสอบถูกเปิดเผยเสียก่อน เราก็ไม่อาจรู้ได้ว่านักเรียนคนใดมีความรู้จริง
ความรู้เป็นเรื่องทางสติปัญญา แต่ความศรัทธาเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ การทดสอบความรู้ทางสติปัญญามีครูเป็นผู้ออกข้อสอบ แต่การทดสอบความศรัทธา พระเจ้าเป็นผู้กำหนดเองโดยใช้โลกนี้เป็นห้องสอบ และตราบใดที่มนุษย์ยังคงมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ทุกคนต้องถูกทดสอบหมด
ตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติที่ผ่านมา พระเจ้าได้ส่งบรมครูในรูปของนบีมาสอนความจริงทางด้านวิญญาณแก่มนุษย์ว่าพระเจ้าและโลกหน้ามีอยู่จริง แม้มนุษย์จะมองไม่เห็นด้วยตาก็ตาม แต่การมองไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าไม่มี เพียงแต่ความจริงดังกล่าวถูกปิดบังไว้ด้วยม่านแห่ง “สาเหตุและผล” ถ้ามนุษย์ใช้ปัญญาที่มีอยู่แหวกม่านนี้ได้ มนุษย์ก็จะเห็นความจริงดังกล่าว
ความจริงนี้เป็นสิ่งที่แม้แต่เด็กหนุ่มก็สามารถเข้าใจได้ ไม่ต้องเป็นใหญ่ที่มีการศึกษาสูง คัมภีร์กุรอานเล่าว่า ในตอนเป็นเด็ก อับราฮัมพยายามแสวงหาพระเจ้าที่แท้จริง แต่การโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และดวงดาวต่างๆเป็นม่านแห่ง “สาเหตุและผล” ที่ปิดบังความจริงไว้ เมื่ออับราฮัมแหวกม่านนี้ได้ เขาก็มองเห็นพระเจ้าและการมีอยู่ของโลกหน้าด้วยตาใจและเกิดความเชื่อมั่นศรัทธา
ความเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาเห็นด้วยตาใจนี้เองที่ทำให้เขาผ่านการทดสอบทางด้านวิญญาณครั้งแรกด้วยการถูกนำไปเผาไฟทั้งเป็นโดยพระเจ้าผู้กำหนดการทดสอบเป็นผู้อนุมัติให้ผ่าน
อับราฮัม ต้องผ่านการทดสอบครั้งที่สองด้วยการถูกพระเจ้าสั่งให้นำฮาการ์ภรรยาคนที่สองและทารกอิสมาอีลลูกชายคนแรกไปทิ้งไว้ในหุบเขาบักก๊ะฮฺ และเมื่ออิสมาอีลโตเป็นหนุ่ม อับราฮัมก็ถูกทดสอบครั้งที่สามด้วยการที่พระเจ้าสั่งเขาให้เชือดลูกชายเป็นการพลีถวายให้พระองค์ อับราฮัมผ่านการทดสอบทุกครั้งอย่างประสบความสำเร็จ นั่นคือ เขาไม่สูญเสียอะไรเลย ไม่เพียงเท่านั้น อับราฮัมยังได้รับคำอำนวยพรจากมุสลิมทั่วโลกในเวลานมาซประจำวันห้าเวลาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
นบีทุกคนที่พระเจ้าส่งมาสอนความจริงทางจิตวิญญาณล้วนเป็นมนุษย์ และเมื่อเป็นมนุษย์ นบีทุกคนต่างถูกทดสอบอย่างหนักโดยไม่ได้รับการยกเว้น เพื่อให้มนุษย์ได้รู้ความจริงว่าขณะที่มีชีวิต มนุษย์ทุกคนจะถูกทดสอบด้วยความหิว ความกลัว การสูญเสียทรัพย์สิน ชีวิตและพืชผล
อย่างไรก็ตาม พระเจ้าผู้กำหนดข้อสอบได้เฉลยข้อสอบไว้ให้แล้วว่าสิ่งที่จะทำให้ผ่านบททดสอบในรูปของเคราะห์กรรมไปได้ก็คือความศรัทธาในพระเจ้า การกลับไปหาพระองค์และความอดทน