เงินซื้อเสียงกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เมื่อสังคมจมปลักอยู่ในความเลวร้าย คนอ่อนแอถูกข่มเหงรังแกโดยไม่มีใครช่วยได้ เหล่าแกนนำสร้างค่านิยมผิด ๆ จนความยุติธรรมหดหาย
เงินซื้อเสียงกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ประธานสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
เมื่อสังคมจมปลักอยู่ในความเลวร้าย คนอ่อนแอถูกข่มเหงรังแกโดยไม่มีใครช่วยได้ เหล่าแกนนำสร้างค่านิยมผิด ๆ จนความยุติธรรมหดหาย ความต่ำช้าสามานย์กลายเป็นความปกติ และผู้มีอำนาจเสพสุขบนความทุกข์ยากของคนส่วนใหญ่
ต้องเข้าใจว่าความเลวร้ายเหล่านี้มาจากผู้กุมอำนาจที่ขาดสำนึกรักประชาชน แต่ใช้อำนาจเพื่อเปรอปรนตนเองและลูกหลานบริวารมากกว่า
ไม่แปลกที่ช่องว่างระหว่างกลุ่มคนชั้นบนกับคนชั้นล่างถูกทำให้ถ่างกว้างมากขึ้นทุกวัน และเป็นเช่นนี้มาแต่โบราณกาล
พระเจ้าผู้ทรงเมตตาปรานีจึงส่งเหล่าศาสนทูตมาเพื่อการเปลี่ยนแปลง และไม่แปลกที่ภารกิจหลักของเหล่าศาสนทูตคือการเผชิญหน้ากับขั้วอำนาจสามานย์นั่นเอง
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือนบีมูซา (โมเสส) กับฟิรอูนหรือฟาโร
ไม่มีทางที่นบีมูซาจะปลดปล่อยเหล่าบนีอิสราเอลจากความเป็นทาสได้ หากไม่เผชิญหน้ากับฟาโรผู้อหังการ์
اذهب إلى فرعون إنه طغى فقل هل لك إلى أن تزكى وأهديك إلى ربك فتخشى (النازعات١٧-١٩)
(มูซา) จงไปหาฟาโรเถิด มันผู้นั้นก่อการละเมิดรุนแรง แล้วจงถามว่าเอาไหม ถ้าจะให้ท่านได้ชำระใจให้สะอาด เอาไหม ฉันจะชี้แนะท่านให้รู้จักพระเจ้าแล้วท่านจะได้รู้สึกยำเกรงพระองค์
การเผชิญหน้ากับฟาโรอย่างกล้าหาญภายใต้ทางนำแห่งพระผู้เป็นเจ้าคือที่มาของการปลดปล่อยครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
เช่นเดียวกับบรมศาสนทูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ภารกิจของท่านไม่ใช่แค่เชิญชวนผู้คนให้สักการะต่อพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น แต่การกำหนดให้อิสลามเป็นวิถีชีวิตทำให้ท่านต้องเผชิญหน้ากับเหล่าผู้นำกุไรช์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พวกเขาไม่มีทางยินยอมให้คนที่รับใช้พวกเขามาเยี่ยงทาสได้ลิ้มรสอิสระและเสรีภาพที่อิสลามหยิบยื่นให้ แต่จะต้องขัดขวางและต่อต้านอิสลามในทุกวิถีทาง
การหาพื้นที่มั่นคงเพื่อปักหลักต่อสู้จึงเกิดขึ้น (ฮิจรอฮ) และเมื่อได้รับชัยชนะในการต่อสู้ ท่านจึงสั่งทุบทำลายเจว็ดอันเป็นสัญญลักษณ์แห่งอำนาจอาธรรม์มากกว่า 300 ชิ้นในมัสยิดฮารอมเสียทั้งหมด
ปัจจุบัน เราต่างมุ่งหวังให้สังคมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่อุปสรรคสำคัญคือตัวประชาชนคนมุสลิมเอง ที่ยังไม่ตระหนักว่าความเลวร้ายในสังคมที่ตนประสบอยู่มีรากเหง้าสำคัญมากจากความเลวร้ายของผู้มีอำนาจทางการเมือง บางคนยอมตนเป็นฟันเฟืองหนึ่งของอำนาจอยุติธรรมจนกลายเป็นผู้ช่วยให้ความเลวร้ายคงอยู่ได้ยาวนานขึ้น บางคนฝังจิตฝังใจว่าศาสนาไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง กลายเป็นคนที่น้อมรับความเลวร้ายที่ดำรงอยู่อย่างเชื่อง ๆ ไป
และเมื่อถึงเวลาที่ตนสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ (โดยพระบรมราชานุญาตจากอัลลอฮ) ผ่านการเลือกตั้ง ก็ไม่เห็นคุณค่าของโอกาสนี้ กลับยอมถูกชักจูงด้วยอำนาจสินบน (ริชวะฮ) จนพร้อมจะเลือกคนชั่วระดับใดก็ได้ให้เข้าไปเสพอำนาจ โดยยอมที่จะให้ประเทศถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศการซื้อสิทธิขายเสียง ขายตำแหน่ง ขายตัว การทรยศต่อประชาชนและคนกันเอง จนแทบมองไม่เห็นแสงสว่างให้กับความซื่อสัตย์ ความยุติธรรมและความเสมอภาคเลย
ผู้ที่เลือกตั้งเพราะเงินสินบาทคาดสินบน จึงเป็นผู้หนึ่งที่ช่วยให้ความเลวร้ายผยองในอำนาจได้ต่อเนื่อง ทำให้คนอ่อนแอยังถูกรังแกต่อไป และช่วยให้ความยุติธรรมถูกเหยียบย่ำมากขึ้น
จึงไม่แปลกที่อิสลามจะถือว่าการให้และรับสินบนโดยเฉพาะสินบนทางการเมือง เป็นความเลวร้ายอันมหันต์ในระดับที่สมควรถูกสาปแช่งจากพระเจ้าและศาสนทูตของพระองค์ ดังวจนะที่บอกว่า
لعن رسول الله الراشي والمرتشي في الحكم. (رواه الترمذي وأحمد)
ท่านศาสนทูตได้สาปแช่งผู้ให้สินบนและผู้รับสินบน เกี่ยวกับการตัดสินหรือการปกครอง
เพราะมุสลิมมีหน้าที่ต้องส่งเสริมสนับสนุนความดีและต้องยับยั้งขจัดปัดเป่าความชั่วช้าต่าง ๆ แต่การรับสินบนทางการเมืองนี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์พลิกกลับคือทำให้ความชั่วมีอำนาจบาตรใหญ่ ขณะที่ความดีถูกทำลายและไร้พื้นที่แสดงตน
ถือเป็นการทำลายคุณค่าความเป็นมุสลิมลงอย่างสิ้นเชิง