หลังจากโมเสสพาพวกลูกหลานอิสราเอลอพยพออกมาจากอียิปต์เพื่อหนีจากการตกเป็นทาสแรงงานของฟาโรห์แล้ว
ลูกหลานอิสราเอลต้องคำสาป
บทความโดย: อ.บรรจง บินกาซัน
หลังจากโมเสสพาพวกลูกหลานอิสราเอลอพยพออกมาจากอียิปต์เพื่อหนีจากการตกเป็นทาสแรงงานของฟาโรห์แล้ว พวกลูกหลานอิสราเอลต้องเร่ร่อนอยู่ในทะเลทรายไร้ถิ่นฐานบ้านช่องและถูกกลุ่มชนต่างๆรุกรานตลอดเวลาจนหาความสุขและความปลอดภัยไม่ได้นานนับร้อยปี
จนกระทั่งดาวิดเอาชนะพวกฟิลัสตินและตั้งอาณาจักรของตนขึ้นมา พวกลูกหลานอิสราเอลจึงได้อยู่กันอย่างสงบและปลอดภัย นี่เป็นความเมตตาอย่างหนึ่งที่พระเจ้าประทานแก่พวกลูกหลานอิสราเอลโดยการส่งดาวิดมาเป็นผู้นำ ไม่เพียงเท่านั้น พระเจ้ายังส่งคัมภีร์ที่เป็นกฎหมายมายังดาวิดเพื่อนำไปใช้ในการปกครองแทนโตราห์หรือกฎหมายของโมเสสที่ได้รับความเสียหายและผิดเพี้ยนไปจากเดิมด้วย
เรื่องราวของดาวิดถูกกล่าวไว้ในคัมภีร์ไบเบิลและคัมภีร์กุรอานเช่นกัน คนที่มีอคติต่ออิสลามจึงมักคิดว่าคัมภีร์กุรอานเป็นคัมภีร์ที่นบีมุฮัมมัดคัดลอกมาจากคัมภีร์ไบเบิล แต่เรื่องราวของดาวิดหรือนบีดาวูดที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์กุรอานนั้นแตกต่างไปจากในคัมภีร์ไบเบิลโดยสิ้นเชิง
เมื่อนบีมุฮัมมัดอพยพไปยังเมืองมะดีนะฮฺ ที่นั่นมีพวกลูกหลานอิสราเอลอพยพหลบหนีพวกโรมันไปตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นั่นอยู่ก่อนแล้ว เมื่อท่านประกาศตัวเป็นนบีและเชิญชวนพวกลูกหลานอิสราเอลมาสู่อิสลาม แต่พวกลูกหลานอิสราเอลปฏิเสธเพราะถือดีว่าพวกตนมีความรู้เรื่องนบีคนก่อนๆดีกว่านบีชาวอาหรับ ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าจึงประทานเรื่องราวตอนหนึ่งของนบีดาวูด(ดาวิด)ให้นบีมุฮัมมัดอ่านให้คนพวกนี้ฟังดังนี้ :
“ดาวูดผู้ทรงพลัง เขาเป็นผู้หันเข้าหาพระเจ้าในทุกเรื่อง เราได้ทำให้ภูเขาสดุดีร่วมกับเขาทั้งในยามค่ำและยามรุ่ง และพวกนกก็มาชุมนุมกันโดยทั้งหมดหันมายังการสดุดีของเขาและเราได้ทำให้อาณาจักรของเขาเข้มแข็งและเราได้ประทานวิทยปัญญาและความสามารถในการตัดสินที่ถูกต้องแก่เขา (กุรอาน 38:17-20)
คัมภีร์กุรอานกล่าวว่านบีดาวูดมีเสียงไพเราะ ทุกครั้งที่เขาอ่านคำสดุดีสรรเสริญพระเจ้า นกหลากชนิดจะมาร่วมกันส่งเสียงร้องประสานไปพร้อมกับเขาด้วย ไม่เพียงเท่านั้น พระเจ้ายังได้ประทานความรู้ในการหลอมและดัดเหล็กให้แก่นบีดาวูดเพื่อนำไปทำเครื่องใช้ต่างๆ เช่น หม้อ กระทะ และเสื้อเกราะด้วย
แต่ในคัมภีร์กุรอานตอนหนึ่งได้กล่าวว่า “พวกลูกหลานอิสราเอลที่ปฏิเสธนบีและพระเจ้าได้ถูกดาวูดและอีซาบุตรของมัรฺยัมสาปแช่ง นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาฝ่าฝืนและละเมิดเสมอ” (กุรอาน 5:78)
ข้อความดังกล่าวแสดงว่าในหมู่ลูกหลานอิสราเอลมีบางคนเท่านั้น มิใช่ทั้งหมดที่ปฏิเสธพระเจ้าโดยการปฏิเสธนบีที่พระองค์ส่งมา เหตุผลที่คัมภีร์กุรอานกล่าวว่านบีดาวูดสาปแช่งคนพวกนี้ก็เพราะถึงแม้นบีดาวูดได้สร้างอาณาจักรให้พวกเขาอยู่กันอย่างปลอดภัยแล้ว คนพวกนี้ยังกล่าวร้ายดาวิดไว้ในคัมภีร์ของตน เช่น พวกเขากล่าวว่าซาอูลและดาวิดฆ่าคนนับพันนับหมื่นคนซึ่งเป็นการโกหกเพื่อยกย่องจนเกินจริงว่า :
“อยู่มาเมื่อดาวิดกลับมาจากการฆ่าคนฟีลิสเตียนั้นกำลังเดินทางกลับบ้าน พวกผู้หญิงก็ออกมาจากหัวเมืองอิสราเอล ร้องเพลงและเต้นรำต้อนรับพระราชาซาอูลด้วยรำมะนา ด้วยเพลงเริงร่าและด้วยเครื่องดนตรี เมื่อพวกผู้หญิงเต้นรำรื่นเริงกันอยู่นั้นก็ขับร้องรับกันว่า “ซาอูลฆ่าคนเป็นพันๆและดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ” (พันธสัญญาเก่า ฉบับ 1 ซามูเอล 18:6-7)
นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังกล่าวหาว่า ดาวิดเคยชอบผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นภรรยาของอุรีอาห์นายทหารของเขา เขาจึงสั่งให้นายทหารคนนั้นออกไปปฏิบัติการล้อมเมืองรับบาห์ แต่ตัวเขาเองอยู่ที่เมืองเยรูซาเล็ม เมื่อกองทัพออกไปแล้ว เขาได้ให้คนไปตามภรรยาของอุรีอาห์มาที่วังและสมสู่กับนางจนนางตั้งครรภ์ (ดูพันธสัญญาเก่า ฉบับ 2 ซามูเอล 11:1-5)
นี่คือข้อความที่ทำลายความน่าเชื่อถือของนบีที่พระเจ้าส่งมาและถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานในคัมภีร์ทางศาสนา ถ้านบีมีความประพฤติเยี่ยงนี้ ใครเล่าจะเลื่อมใสศรัทธาและนับถือศาสนาที่นบีผู้นั้นนำมา
แค่คนธรรมดาสาปแช่งใคร คนถูกสาปแช่งมักต้องมีอันเป็นไปตามคำสาปแช่ง แต่นี่เป็นนบีของพระเจ้าเองที่สาปแช่ง และไม่ใช่นบีคนเดียว แต่เป็นนบีที่ยิ่งใหญ่ทั้งสองคน ชาติที่เอาฉายาของนบีคนสำคัญมาตั้งเป็นชื่อประเทศของตนจึงต้องได้รับคำสาปให้อยู่อย่างไม่เป็นสุขมาจนทุกวันนี้