
ทุกคนเกิดมาแล้วต้องตายเป็นสัจธรรมที่ธรรมชาติของมนุษย์รับรู้และยอมรับมาก่อนที่จะมีศาสนาเสียอีก เพราะเมื่อพระเจ้าสร้างอาดัม มนุษย์คนแรกขึ้นมา พระองค์ได้บอกมนุษย์แล้วว่าพระองค์สร้างมนุษย์มาจากดิน
เลือกตายอย่างมีเกียรติ
บทความโดย: บรรจง บินกาซัน
ทุกคนเกิดมาแล้วต้องตายเป็นสัจธรรมที่ธรรมชาติของมนุษย์รับรู้และยอมรับมาก่อนที่จะมีศาสนาเสียอีก เพราะเมื่อพระเจ้าสร้างอาดัม มนุษย์คนแรกขึ้นมา พระองค์ได้บอกมนุษย์แล้วว่าพระองค์สร้างมนุษย์มาจากดิน และมนุษย์จะกลับไปสู่ดินและเมื่อวันอวสานของโลกมาถึง มนุษย์จะถูกทำให้ออกมาจากดินเพื่อกลับไปหาพระเจ้าเพื่อรับการสอบสวนในสิ่งที่เขาได้ทำไว้
ศาสนาถูกส่งมายังโลกนี้เพื่อยืนยันสัจธรรมดังกล่าวและเพื่อเตือนมนุษย์ให้นึกถึงวันนั้น
มนุษย์เลือกเกิดไม่ได้ เมื่อเกิดมาแล้ว แม้ไม่รู้ว่าตัวเองจะตายเมื่อใด ตายที่ไหนและตายอย่างไร แต่มนุษย์มีสิทธิ์เลือกหนทางไปสู่ความตายได้ และหนทางที่มนุษย์เลือกนี้มีส่วนสำคัญต่อชีวิตหลังความตายของเขาซึ่งเป็นชีวิตที่แท้จริงและเป็นชีวิตที่นิรันดร
มนุษย์จะเลือกหนทางไปสู่ความตายอย่างไรขึ้นอยู่กับความเชื่อของเขาเอง ถ้าเขาเชื่อว่าชีวิตหลังความตายไม่มีและเขาไม่ต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาทำไป มนุษย์ก็จะใช้ชีวิตเหมือนสัตว์และจบชีวิตเหมือนสัตว์ มนุษย์ประเภทนี้จะยึดวัตถุทรัพย์สินเงินทองเป็นสรณะและพร้อมจะตายเพื่อมัน
แต่บางคนเลือกตายอย่างมีศักดิ์ศรี ประวัติศาสตร์ไทยบันทึกไว้ว่าพันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือพระที่นั่งของพระเจ้าเสือไปตามลำคลองที่คดเคี้ยว แต่เกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้เรือพระที่นั่งชนกิ่งไม้ใหญ่จนหัวเรือหัก ตามโบราณราชประเพณี โทษของการทำให้หัวเรือพระที่นั่งหักคือนายท้ายเรือลำนั้นต้องได้รับมรณะโทษด้วยการตัดหัว พันท้ายนรสิงห์ยอมรับโทษโดยดี แม้พระเจ้าเสือจะให้อภัย แต่พันท้ายนรสิงห์เลือกที่จะตายด้วยการถูกประหารเพื่อรักษาราชประเพณีไว้ให้คนรุ่นหลังยกย่อง
ชีวิตมนุษย์เป็นการงานของพระเจ้าทั้งสิ้นไม่ว่าการเกิดหรือการตาย ผู้หญิงบางคนคุมกำเนิด แต่ก็ตั้งท้องคลอดชีวิตใหม่ออกมา ทารกแรกเกิดบางคนติดอยู่ในซากตึกที่ถล่มลงมา แต่ยังมีชีวิตรอดในขณะที่พ่อแม่และคนอื่นๆตายหมด บางคนเป็นนักกีฬาร่างกายแข็งแรง แต่ล้มลงตายในสนามกีฬาโดยไม่มีใครคาดคิด บางคนอยู่ในเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุที่ไม่น่าจะรอดชีวิต แต่ก็รอดมาได้อย่างเหลือเชื่อ
การกลัวความตายจึงเป็นการกลัวความจริงและเป็นที่มาของความขี้ขลาด ถ้าทหารของชาติใดกลัวตาย ชาตินั้นมีแต่รอวันหายนะและถูกยึดครอง นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมทุกชาติจึงให้เกียรติทหารที่ตายในสนามรบเพื่อปกป้องมาตุภูมิ
อิสลามมีคำสอนว่าพระเจ้าเป็นผู้ให้ชีวิตและความตาย คนมุสลิมจึงยอมรับความจริงในเรื่องนี้ และมีความใฝ่ฝันในเรื่องของการตายอย่างมีเกียรติ
ทุกครั้งในการละหมาดประจำวันห้าเวลา มีข้อความตอนหนึ่งที่ผู้ละหมาดได้รับการสอนให้อ่านว่า
“แท้จริง การละหมาดของฉัน การอุทิศพลีของฉัน การมีชีวิตของฉันและการตายของฉัน เพื่อพระเจ้าแห่งสากลโลก”
คำสอนเรื่องความตายอย่างมีเกียรติทำให้ชาวอาหรับที่หันมารับอิสลามในยุคแรกพร้อมที่จะตายในสนามรบ ความไม่กลัวตายนี้เองที่ทำให้กองทัพมุสลิมเกิดความห้าวหาญ แม้จะมีกำลังน้อยกว่า แต่สามารถเอาชนะผู้รุกรานที่มีกำลังมากกว่าได้หลายครั้ง
ในยามสงบ ผู้สูงอายุหลายคนเดินทางไปทำพิธีฮัจญ์ที่นครมักก๊ะฮฺโดยหวังจะตายที่นั่น บางคนสมหวังและบางคนไม่ได้ตายตามที่ตัวเองหวัง เพราะพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิตยังไม่ต้องการชีวิตของเขา เขาจึงต้องรักษาชีวิตของตัวเองต่อไป การทำลายชีวิตตนเองจึงถือเป็นบาปใหญ่เพราะเป็นการทำลายชีวิตที่พระเจ้าให้มาก่อนที่พระองค์จะเอาชีวิตของเขากลับไปเอง
มีบ่อยครั้งที่ผู้นำละหมาดบางคนล้มลงในขณะยืนละหมาดหรือกำลังกำลังอยู่ในท่าก้มกราบ แต่ผู้อยู่ข้างๆในแถวละหมาดยังคงละหมาดต่อไปจนกระทั่งเสร็จสิ้นโดยไม่สนใจว่าผู้ที่ล้มลงไปจะเสียชีวิตหรือไม่ เพราะมุสลิมทุกคนเชื่อว่าชีวิตของมนุษย์อยู่ในมือของพระเจ้า ถ้าพระเจ้าไม่เอาชีวิตใคร คนนั้นก็ไม่ตาย แต่ถ้าพระเจ้าจะเอาชีวิตใคร อำนาจใดก็ไม่สามารถรักษาชีวิตของเขาได้
ที่สำคัญคือ มุสลิมทุกคนตระหนักดีว่าการตายในขณะปฏิบัติศาสนกิจโดยเฉพาะในขณะที่กำลังก้มกราบพระเจ้านั้นเป็นการตายที่มีเกียรติอันสูงส่ง