Halal food is Soft Culture ฮาลาลคือวัฒนธรรมละมุน
Halal food is Soft Culture ฮาลาลคือวัฒนธรรมละมุน
บทความโดย ดร.บัญญัติ ทิพย์หมัด
แนวคิด “ฮาลาลในฐานะวัฒนธรรมละมุน” คือการมองฮาลาลเกินกว่ากรอบของศาสนบัญญัติ ว่าด้วยสิ่งที่กินได้หรือไม่ได้
แต่คือการมองเห็นพลังทางวัฒนธรรมที่แทรกอยู่ในทุกคำ ทุกจาน และทุกความตั้งใจของผู้ปรุงอาหาร ฮาลาลจึงเป็นภาษาของศรัทธาที่สื่อสารอย่างนุ่มนวล โดยไม่ต้องใช้ถ้อยคำ ฮาลาลคือการเคารพต่อพระเจ้าผู้สร้าง การรักษาความสะอาด ความซื่อสัตย์ และความยุติธรรมในทุกกระบวนการของชีวิต เมื่อความศรัทธานี้ถูกส่งต่อผ่านอาหาร มันกลายเป็นพลังละมุนที่สัมผัสหัวใจผู้คนได้โดยไม่แบ่งศาสนา เมื่อ “อาหารฮาลาลใครๆก็ทานได้”
อาหารฮาลาลจึงเป็นมากกว่าการบริโภค แต่คือ “วัฒนธรรมที่กินได้” ที่สะท้อนคุณค่าของอิสลามในรูปแบบที่ทุกคนเข้าใจได้ง่ายที่สุด รสชาติที่ดีงามนั้นไม่ใช่เพียงผลของเครื่องเทศหรือสูตรลับ แต่คือรสของความตั้งใจที่บริสุทธิ์ และมีประโชยน์ต่อสุขภาพ การกินฮาลาลจึงกลายเป็นการมีส่วนร่วมในจริยธรรมของความดีงามโดยไม่รู้ตัว และในโลกที่วัฒนธรรมปะทะต่อสู้กัน ในทางกลับกันนั้น ฮาลาลใช้ “รสชาติ” เป็นสื่อกลางของสันติภาพ เป็นการทูตเชิงรสชาติที่เปิดประตูให้ผู้คนต่างศาสนาได้นั่งร่วมโต๊ะอย่างไม่รู้สึกแตกต่าง สร้างความรัก ความผูกพันด้วยอาหารจานโปรด หลายๆครั้ง ปัญหาที่เกิดหรืออุปสรรคต่างๆ สามารถบรรเทาลงด้วย รสชาติอาหารบนโต๊ะ และเห็นได้ชัดเจนในสังคมพหุวัฒนธรรม ท่ามกลางความหลากหลาย มื้ออาหารที่ฮาลาลเป็นตัวเชื่อมได้อย่างกลมกล่อมนั้นเอง
ในบริบทของประเทศไทย “ไก่ย่างจีระพันธ์” คือตัวอย่างชัดเจนของฮาลาลในฐานะวัฒนธรรมละมุนที่แผ่ขยายพลังอย่างเงียบงาม จากร้านเล็กในปี 1943 สู่เครือข่ายกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ จีระพันธ์ไม่ได้ขายแค่ไก่ย่าง แต่ขาย “ความไว้ใจ” และ “เรื่องเล่า” ที่ส่งต่อมาสามรุ่นอายุคน กลิ่นหอมของไก่ย่างบนเตาถ่าน สีเหลืองทองของหนังที่บางและกรอบ เสียงหัวเราะของลูกค้าที่ต่างพื้นเพทางวัฒนธรรม ทั้งหมดคือฉากชีวิตของฮาลาลที่มีชีวิตจริง ตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อคนไทยพุทธ จีน และมุสลิมสามารถนั่งกินไก่ย่างจานเดียวกัน นั่นคือวินาทีที่ศรัทธากลายเป็นวัฒนธรรมร่วม และอาหารกลายเป็นการเชื่อมใจคนในสังคมพหุวัฒนธรรม
สงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดขึ้นระหว่างปี พ.ศ. 2482 ถึง พ.ศ. 2488
• เริ่มต้น: วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939) เมื่อเยอรมนีรุกรานโปแลนด์
• สิ้นสุด: วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2488 (ค.ศ. 1945) เมื่อญี่ปุ่นลงนามยอมจำนนอย่างเป็นทางการ
จีระพันธ์แสดงให้เห็นว่า ฮาลาลไม่จำเป็นต้องแข็งกร้าวหรือแยกตัว แต่มันสามารถอ่อนโยนและเชื่อมโยงกับความเป็นไทยได้อย่างงดงาม การใช้รสชาติ ความสะอาด และการบริการอย่างจริงใจ คือ “soft culture” ที่ส่งต่อความเข้าใจโดยไม่ต้องพูดคำว่า “ศาสนา” เลยแม้แต่น้อย ฮาลาลจึงไม่ใช่เพียงมาตรฐานของอาหาร หากแต่เป็นมาตรฐานของความดีงามที่อยู่ในทุกการกระทำของผู้ศรัทธา และเมื่อมันถูกร้อยเรียงผ่านเรื่องราวของไก่ย่างจีระพันธ์ ฮาลาลก็กลายเป็นวาทกรรมแห่งสังคม เป็นอำนาจละมุนที่ไม่ต้องแสดงอำนาจ แต่เปี่ยมด้วยพลังของความศรัทธา ความสะอาด และความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ร่วมกันอย่างแท้จริง
อ้างอืง:
- Nye, J. S. (2004). Soft power: The means to success in world politics. PublicAffairs.
- Iwabuchi, K. (2015). Pop-culture diplomacy in Japan: Soft power, nation branding and the question of cultural sovereignty. International Journal of Cultural Policy, 21(4), 419–432. https://doi.org/10.1080/10286632.2015.1042468
บทความที่น่าสนใจ
- วาทกรรมอาหารฮาลาล: อาหารคุณภาพ ปลอดภัย ใครๆ ก็ทานได้
- แบบอย่าง นำร่องที่ดินวากัฟ จุฬาราชมนตรีมอบให้มัสยิดในสุราษฎร์ฯ
- ชมรมสถาบันผู้นำฯ เข้าเยี่ยมคาราวะ อธิบดีกรมการปกครอง
- เรื่องน่ารู้ อัตลักษณ์อาหารฮาลาล มิติศาสนา มิติวัฒนธรรม และมิติสังคม
- 10 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาหารฮาลาล คำตอบง่ายๆ ที่เข้าถึงและกระจ่างชัด ทำไม?
- ทำความเข้าใจกับ เซคิวลาริสม์ ระบบความคิด แยกรัฐกับศาสนา
- อาหารฮาลาล คืออะไร อธิบายความหมายอย่างง่ายๆ พร้อมยกตัวอย่างอาหารที่ฮาลาลและไม่ฮาลาล
- วาทกรรมอาหารฮาลาล การสื่อสารอัตลักษณ์ของมุสลิมไทย
- วาทกรรมอาหารฮาลาล: ความภูมิใจในอัตลักษณ์ความศรัทธาของมุสลิมไทย
- เปิดประตูสู่โอกาสใหม่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย: ไอเดียธุรกิจอาหารฮาลาลที่น่าสนใจยิ่ง
- Halal food is Soft Culture ฮาลาลคือวัฒนธรรมละมุน
- ปลุกไฟนักสืบทอด! Family Business Thailand รุ่นที่ 4
- อาหารฮาลาลกับสุขภาพ ความสัมพันธ์ที่ถูกประกอบสร้างอย่างเหลือเชื่อ
- ตะลึง! นางกวักคลุมหัว ระบาดหนัก
- ดราม่าแอร์พอร์ตลิงก์: การวิเคราะห์เชิงวิพากษ์ว่าด้วยวาทกรรม อัตลักษณ์ และความยุติธรรมในสังคมพหุวัฒนธรรมไทย
- ตัวแปรที่ขับเคลื่อนตลาดอาหารฮาลาล ที่น่าสนใจ!
